รู้จักชิฟฟ่อนเค้ก (Chiffon Cake) ให้รอบด้าน

เลือกอ่านบางหัวข้อ

ชิฟฟ่อนเค้ก (Chiffon Cake) คือเค้กที่มีจุดเด่นคือความเบา ฟู และนุ่มละมุนลิ้นอย่างน่าประทับใจ มันเป็นผลลัพธ์ของการผสานความฟูของเค้กไข่ (foam cake) เข้ากับความชุ่มชื้นของเค้กน้ำมันที่ไม่แข็งกระด้าง เนื้อสัมผัสของชิฟฟ่อนเค้กจึงเบานุ่มแต่ไม่แห้ง มีกลิ่นหอมและรสชาติอ่อนละมุน เข้ากับเครื่องดื่มร้อนได้ดีทั้งชากาแฟ

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบขนมอบ ชิฟฟ่อนเค้กนับว่าเป็นเค้กฐานที่ควรทำความรู้จัก เพราะเมื่อคุณเข้าใจเทคนิคเบื้องต้น คุณจะสามารถพลิกแพลงสูตรและรสชาติให้หลากหลายตามใจชอบได้ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักชิฟฟ่อนเค้กอย่างละเอียดรอบด้าน ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ ส่วนผสม ขั้นตอนการทำ ไปจนถึงการปรับแต่งรสชาติและเคล็ดลับการเก็บรักษา

ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชิฟฟ่อนเค้ก

ชิฟฟ่อนเค้กถูกคิดค้นขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1920 โดยนายแฮร์รี เบเกอร์ (Harry Baker) นักขายประกันชีวิตที่มีความหลงใหลในขนมเค้ก เขาใช้เวลาหลายปีในการพัฒนาสูตรเค้กที่มีความเบานุ่มแต่ชุ่มชื้นมากกว่าเค้กทั่วไป เค้กที่เขาพัฒนานี้ใช้ “น้ำมันพืช” แทนเนยในการทำให้เค้กชุ่มชื้นไม่ฝืดคอ สูตรเค้กนี้ถูกเก็บเป็นความลับอยู่นานนับทศวรรษ กระทั่งบริษัท General Mills ได้ซื้อลิขสิทธิ์สูตรและนำมาเผยแพร่ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1940 ส่งผลให้ชิฟฟ่อนเค้กกลายเป็นปรากฏการณ์ที่ได้รับความนิยมไปทั่วอเมริกาและทั่วโลกในเวลาต่อมา

จุดเด่นของชิฟฟ่อนเค้ก

  • เนื้อนุ่มเบา: ชิฟฟ่อนเค้กมีความฟูมากเป็นพิเศษ เนื้อสัมผัสเบาและอ่อนนุ่ม ไม่แน่นหรือแข็งเหมือนเค้กเนย
  • ชุ่มชื้น: การใช้น้ำมันพืชแทนเนยทำให้เค้กมีความชุ่มชื้นสูงและไม่แห้งแม้จะเก็บไว้หลายวัน
  • รสชาติอ่อนละมุน: ชิฟฟ่อนเค้กรับรสได้ง่าย ไม่หวานจัดจนเกินไป สามารถปรับแต่งรสชาติและกลิ่นได้หลากหลาย
  • อเนกประสงค์: เนื้อเค้กที่เบาเหมาะสำหรับใช้เป็นฐานในการตกแต่งด้วยครีม ผลไม้ หรือฟรอสติ้งต่าง ๆ

ความแตกต่างระหว่างชิฟฟ่อนเค้กและเค้กชนิดอื่น

ชิฟฟ่อนเค้ก vs สปันจ์เค้ก

ทั้งสองเค้กต่างก็ใช้การตีไข่เพื่อให้ฟู แต่ชิฟฟ่อนเค้กมีน้ำมันพืชในสูตร ทำให้เค้กชุ่มชื้นมากกว่า ในขณะที่สปันจ์เค้กใช้เนยหรือน้ำมันน้อยกว่าและมักฟูด้วยไข่เป็นหลัก เนื้อสปันจ์เค้กจะเบาแต่ค่อนข้างแห้งกว่าเล็กน้อย

ชิฟฟ่อนเค้ก vs เค้กเนย

เค้กเนย (Butter Cake) มีความแน่นและหนักกว่า เนื่องจากใช้เนยเป็นไขมันหลัก ในขณะที่ชิฟฟ่อนเค้กใช้น้ำมันพืชทำให้เบาและฟู นอกจากนี้ เค้กเนยมักมีรสเนยชัดเจน ส่วนชิฟฟ่อนเค้กจะมีกลิ่นรสอ่อนนุ่มและปรับได้หลากหลาย

ชิฟฟ่อนเค้ก vs แองเจิลเค้ก (Angel Cake)

แองเจิลฟู้ดเค้กใช้ไข่ขาวล้วน ๆ ไม่มีไข่แดงและไม่มีไขมัน จึงได้เค้กที่ขาวเบาและฟูมาก แต่ค่อนข้างแห้ง ชิฟฟ่อนเค้กมีทั้งไข่แดงและน้ำมันพืช ทำให้ได้เนื้อเค้กที่ชุ่มและรสชาติสมดุลมากกว่า

ส่วนผสมหลักของชิฟฟ่อนเค้ก

ไข่ไก่:
ไข่คือหัวใจของชิฟฟ่อนเค้ก ไข่ขาวที่ตีขึ้นฟูจะกักอากาศ สร้างเนื้อเค้กให้เบา ในขณะเดียวกันไข่แดงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและรสชาติ

แป้งเค้ก:
แป้งเค้กที่มีโปรตีนต่ำทำให้เกิดกลูเต็นน้อย ได้เนื้อเค้กที่นุ่มละเอียด ควรใช้แป้งเค้กแทนแป้งอเนกประสงค์เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

น้ำมันพืช:
น้ำมันพืชเป็นสิ่งที่ทำให้ชิฟฟ่อนเค้กแตกต่างและมีความชุ่มชื้นยาวนานกว่า ใช้น้ำมันที่มีกลิ่นอ่อน เช่น น้ำมันคาโนลา น้ำมันรำข้าว หรือน้ำมันพืชทั่วไป

น้ำตาล:
น้ำตาลช่วยให้ไข่ตีขึ้นฟูง่ายขึ้น คงความชุ่มชื้น และให้รสหวานกลมกล่อม

ของเหลวและสารให้กลิ่น:
อาจใช้น้ำ นมสด หรือน้ำผลไม้ รวมถึงกลิ่นวานิลลา สารสกัดอัลมอนด์ หรือน้ำเลมอนเพื่อเพิ่มรสชาติ

อุปกรณ์และเครื่องมือที่จำเป็น

  • เครื่องตีไข่ไฟฟ้าหรือมือ: จำเป็นสำหรับการตีไข่ขาวให้ขึ้นฟู
  • พิมพ์เค้กทรงกลมมีรูตรงกลาง (Tube Pan): พิมพ์ชนิดนี้ช่วยให้การอบเค้กสม่ำเสมอและสะดวกต่อการกลับเค้กคว่ำให้เค้กเซ็ตตัวหลังอบ
  • กระดาษรองอบ: สำหรับพิมพ์เค้กแบบไม่มีรูกลาง ควรปูรองด้วยกระดาษอบเพื่อช่วยให้เค้กหลุดออกง่าย
  • ช้อนตวง ถ้วยตวง ตาชั่ง: ให้การวัดส่วนผสมแม่นยำ
  • ตะแกรงพักเค้ก: ใช้พักเค้กหลังอบและกลับพิมพ์เพื่อป้องกันการยุบตัว

เทคนิคการทำชิฟฟ่อนเค้กให้นุ่มฟู

การตีไข่ขาวให้ขึ้นฟู:
ควรตีไข่ขาวในภาชนะที่สะอาด ปราศจากไขมัน ใช้สปีดกลางถึงสูงและค่อย ๆ ใส่น้ำตาลทีละน้อยจนไข่ขาวตั้งยอดอ่อนถึงยอดกลาง (soft to medium peaks) ไม่ควรตีไข่ขาวจนแข็งเกินไปเพราะจะทำให้ผสมเข้ากับส่วนผสมอื่นได้ยาก

การผสมแบบพับตะล่อม (Folding):
เมื่อไข่ขาวตีฟูได้ที่ ต้องผสมเข้ากับส่วนผสมไข่แดงและแป้งอย่างเบามือด้วยการพับตะล่อม เพื่อรักษาฟองอากาศในไข่ขาวไม่ให้สลายไป

อุณหภูมิและระยะเวลาในการอบ:
โดยทั่วไป อบที่อุณหภูมิประมาณ 160-170 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 40-50 นาที ขึ้นอยู่กับขนาดพิมพ์และปริมาณเนื้อเค้ก ควรเช็คความสุกด้วยไม้จิ้มฟันก่อนนำออกจากเตา

การกลับพิมพ์หลังอบ:
เคล็ดลับสำคัญคือ เมื่ออบเสร็จแล้ว ให้นำเค้กออกจากเตาและคว่ำพิมพ์ทันทีบนคอขวดหรือวางบนตะแกรงให้ลอยขึ้น วิธีนี้ป้องกันไม่ให้เค้กยุบตัวขณะเย็นลง ทำให้เค้กคงความฟูและรูปทรงสวย


ขั้นตอนการทำชิฟฟ่อนเค้กทีละขั้นตอน (พร้อมสูตรตัวอย่าง)

สูตรชิฟฟ่อนเค้กวานิลลา (สำหรับพิมพ์ทรงกลม 20 ซม.)

  • แป้งเค้ก 100 กรัม
  • น้ำตาลทรายป่น 120 กรัม (แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนละ 60 กรัม)
  • ไข่ไก่ขนาดใหญ่ 4 ฟอง (แยกไข่แดงไข่ขาว)
  • น้ำมันพืชรสอ่อน 50 มล.
  • นมสดหรือน้ำ 60 มล.
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  • ผงฟู 1 ช้อนชา
  • เกลือหยิบมือ

ขั้นตอนการทำ

  1. เตรียมพิมพ์และวอร์มเตาอบ:
    • วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส
    • พิมพ์ทรงกลมที่มีรูตรงกลางไม่ต้องทาไขมันหรือรองกระดาษ (เพื่อช่วยให้เค้กเกาะพิมพ์และไม่ยุบตัว)
  2. ผสมส่วนไข่แดง:
    • ตีไข่แดงกับน้ำมันพืช นมสด (หรือน้ำ) และกลิ่นวานิลลาให้เข้ากัน
    • ร่อนแป้งเค้ก ผงฟู และเกลือลงในส่วนผสมไข่แดง คนให้เข้ากันจนเนียน
  3. ตีไข่ขาวให้ขึ้นฟู:
    • ในอ่างผสมที่สะอาด ใส่ไข่ขาวลงไป ตีด้วยความเร็วกลางจนเกิดฟองหยาบ
    • ค่อย ๆ ใส่น้ำตาลทรายส่วนที่เหลือ (60 กรัม) ทีละน้อย ตีต่อจนไข่ขาวตั้งยอดอ่อนถึงยอดกลาง
  4. ผสมไข่ขาวกับส่วนไข่แดง:
    • ตักไข่ขาวประมาณ 1 ใน 3 ส่วนลงในส่วนผสมไข่แดง พับตะล่อมเบา ๆ ให้เข้ากัน
    • ใส่ไข่ขาวส่วนที่เหลือลงไป พับตะล่อมจนเข้ากันดี ระวังอย่าคนแรง เพราะจะทำให้ฟองอากาศสลาย
  5. เทใส่พิมพ์และอบ:
    • เทส่วนผสมลงในพิมพ์ เคาะเบา ๆ เพื่อไล่ฟองอากาศใหญ่
    • อบประมาณ 40-45 นาที เช็คสุกด้วยไม้จิ้มฟัน
  6. กลับพิมพ์ทันทีหลังอบ:
    • นำเค้กออกจากเตา คว่ำพิมพ์ทันทีบนขวดหรือวางบนตะแกรงให้พิมพ์ตั้งกลับหัว รอจนเค้กเย็นสนิทก่อนแกะออกจากพิมพ์

การปรับเปลี่ยนและสร้างสรรค์รสชาติใหม่ ๆ

ชิฟฟ่อนเค้กช็อกโกแลต:
เติมผงโกโก้คุณภาพดีลงในแป้งเค้ก ลดปริมาณแป้งลงเล็กน้อยเพื่อให้สัดส่วนเหมาะสม เพิ่มน้ำตาลเพื่อบาลานซ์ความขมของโกโก้ จะได้ชิฟฟ่อนเค้กช็อกโกแลตเข้มข้นและนุ่มละมุน

ชิฟฟ่อนเค้กชาเขียว:
ผสมผงมัทฉะหรือผงชาเขียวลงในแป้งเพื่อได้รสชาติชาเขียวหอม ๆ ตัดกับความหวาน ช่วยเพิ่มความหลากหลายให้เมนูเดิม

ชิฟฟ่อนเค้กผลไม้:
เพิ่มน้ำผลไม้แทนนมหรือน้ำเปล่า เช่น น้ำส้ม น้ำมะนาว หรือน้ำผลไม้เบอร์รี่ หรือใส่ผิวเลมอนขูดเพิ่มความหอมสดชื่น

การตกแต่งชิฟฟ่อนเค้กให้น่าทาน

ครีมสด วิปครีม บัตเตอร์ครีม:
เนื้อชิฟฟ่อนเค้กที่เบาเหมาะกับครีมที่มีน้ำหนักเบาเช่นกัน อย่างวิปครีมสดที่ตีไม่หวานมาก หรือครีมสดผสมน้ำตาลไอซิ่งเล็กน้อย หากชอบเข้มข้นขึ้น บัตเตอร์ครีมหรือกานาชก็เป็นตัวเลือกที่ดี

ฟรอสติ้งและท็อปปิ้ง:
สามารถโรยน้ำตาลไอซิ่งบาง ๆ พรมช็อกโกแลตละลาย หรือแต่งด้วยผลไม้สด เช่น สตรอว์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ เพื่อความสวยงามและสร้างความหลากหลายด้านรสชาติ


เคล็ดลับการเก็บรักษาชิฟฟ่อนเค้ก

  • เก็บในภาชนะปิดสนิท: หากยังไม่หั่นเป็นชิ้น ควรเก็บทั้งเค้กใส่ภาชนะที่ปิดสนิท หรือหุ้มด้วยพลาสติกแรปเพื่อคงความชุ่มชื้น
  • แช่ตู้เย็นเมื่อมีครีมหรือไส้เน่าเสียง่าย: หากเค้กมีครีมหรือผลไม้สด ควรเก็บในตู้เย็น รับประทานภายใน 2-3 วันเพื่อความสดใหม่
  • พักให้คืนตัวก่อนเสิร์ฟ: หากนำเค้กออกจากตู้เย็น ควรพักให้เค้กคืนตัวที่อุณหภูมิห้องสักครู่ก่อนเสิร์ฟ เพื่อคงความนุ่มละมุน

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

ทำไมชิฟฟ่อนเค้กยุบตัวหลังอบ?

อาจเกิดจากการตีไข่ขาวจนตั้งยอดแข็งเกินไป หรือผสมส่วนผสมแรงเกินไปจนฟองอากาศสลาย นอกจากนี้ หากไม่กลับพิมพ์ทันทีหลังอบ เค้กอาจยุบตัวได้

สามารถใช้แป้งอเนกประสงค์แทนแป้งเค้กได้หรือไม่?

ได้ แต่ควรผสมแป้งอเนกประสงค์กับแป้งข้าวโพดเล็กน้อยเพื่อลดโปรตีนในแป้งและได้เนื้อเค้กที่นุ่มขึ้น (เช่น แป้งอเนกประสงค์ 100 กรัมผสมกับแป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ)

จำเป็นต้องใช้พิมพ์มีรูตรงกลางหรือไม่?

พิมพ์มีรูตรงกลางช่วยให้การอบเค้กสุกสม่ำเสมอและเหมาะกับการกลับเค้กหลังอบ แต่หากไม่มีสามารถใช้พิมพ์ทรงกลมปกติได้ เพียงต้องระวังเรื่องเวลาอบและการกลับเค้กอาจทำได้ยากกว่า

ทำไมไข่ขาวที่ตีไม่ขึ้นฟู?

ไข่ขาวจะขึ้นฟูได้ดีเมื่อใช้อุปกรณ์ที่สะอาดและปราศจากไขมัน หลีกเลี่ยงไข่ขาวปนไข่แดง ไข่ควรอยู่ในอุณหภูมิห้องและใส่น้ำตาลอย่างค่อยเป็นค่อยไป

สามารถลดน้ำตาลในสูตรได้หรือไม่?

ลดได้ แต่ควรระวังเพราะน้ำตาลช่วยในการขึ้นฟูและความชุ่มชื้น หากลดมากเกินไปเค้กอาจไม่ฟูหรือลดความชุ่มชื้นลง

ชิฟฟ่อนเค้กคือหนึ่งในเค้กที่เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และมืออาชีพ ได้ฝึกฝนเทคนิคต่าง ๆ ในการตีไข่ การพับตะล่อม และการอบที่แม่นยำ ชิฟฟ่อนเค้กมีความโดดเด่นที่เนื้อเบาและชุ่มชื้นซึ่งเป็นผลจากการใช้น้ำมันพืชควบคู่กับไข่ที่ตีขึ้นฟู เมื่อเข้าใจหลักการและเคล็ดลับต่าง ๆ คุณสามารถสร้างสรรค์ชิฟฟ่อนเค้กได้หลากหลายรสชาติ ตั้งแต่รสวานิลลาอ่อนหวาน ช็อกโกแลตเข้มข้น ไปจนถึงชาเขียวหรือรสผลไม้ตามใจชอบ

นอกจากนี้ เนื้อเค้กที่เบาทำให้สามารถตกแต่งด้วยครีมและผลไม้หลากชนิด สร้างงานศิลปะของขนมหวานที่น่าประทับใจ เคล็ดลับในการเก็บรักษาและคืนตัวของเค้กช่วยให้เค้กพร้อมเสิร์ฟในช่วงเวลาที่เหมาะสม

ชิฟฟ่อนเค้กจึงไม่ใช่เพียงเค้กอีกหนึ่งชนิด หากแต่เป็นบทเรียนพื้นฐานที่ทำให้คุณสามารถต่อยอดไปสู่การทำเค้กชนิดอื่น ๆ ได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าคุณจะต้องการทำเค้กสำหรับโอกาสพิเศษ วันเกิด งานฉลอง หรือเพียงแค่ต้องการเพิ่มความสุขเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวัน ชิฟฟ่อนเค้กคือหนึ่งในตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบในการสร้างรอยยิ้มและความอร่อยในทุก ๆ โอกาส

https://knowhowbake.in.th