บัตเตอร์เค้ก (Butter Cake) คือหนึ่งในสูตรเค้กคลาสสิกที่คนรักการอบขนมทั่วโลกรู้จักดี ด้วยรสชาติหอมมันของเนย เนื้อสัมผัสที่นุ่มฟู และการดัดแปลงรสชาติได้หลากหลาย บัตเตอร์เค้กจึงถือว่าเป็นเค้กพื้นฐานที่สำคัญในโลกเบเกอรี ไม่ว่าจะเป็นการทำเค้กวันเกิด เค้กแต่งงาน หรือการอบเค้กเสิร์ฟในงานเลี้ยงน้ำชายามบ่าย บัตเตอร์เค้กจึงไม่เคยจางหายไปจากเมนูโปรดของคนรักขนมอบ
บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกถึงประวัติความเป็นมา ส่วนผสมหลัก เทคนิคการตีเนยและน้ำตาลให้ขึ้นฟู วิธีเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพ เคล็ดลับการอบให้บัตเตอร์เค้กออกมาสมบูรณ์แบบ ตลอดจนคำแนะนำในการเก็บรักษาและการนำไปปรับใช้กับสูตรอื่น ๆ เพื่อให้คุณเข้าถึงศาสตร์และศิลป์ของบัตเตอร์เค้กอย่างแท้จริง
เลือกอ่านเฉพาะบางหัวข้อ
ประวัติศาสตร์ที่มา บัตเตอร์เค้ก (Butter Cake)
บัตเตอร์เค้กมีจุดกำเนิดที่ผูกพันกับโลกตะวันตก โดยเฉพาะในยุโรปและอเมริกา ที่ซึ่งเนยเป็นวัตถุดิบหลักในอาหารหลากหลายชนิด
บัตเตอร์เค้ก เริ่มต้นในยุโรป
เค้กเนยหรือเค้กที่มีลากฐานจากเนยเกิดขึ้นมานานกว่าศตวรรษ ยุโรปเป็นแหล่งกำเนิดขนมปังและเค้กมากมายที่เน้นใช้เนยเป็นส่วนประกอบหลัก ในสมัยก่อน เนยเป็นวัตถุดิบหรูหราที่ไม่ได้หาได้ง่ายเหมือนปัจจุบัน ครัวของผู้ดีอังกฤษและฝรั่งเศสจึงพยายามคิดค้นสูตรขนมอบให้คงความหอมมันและรสชาติของเนยไว้ให้มากที่สุด ส่งผลให้เค้กที่ใช้เนยเป็นฐาน เช่น Pound Cake (เค้กปอนด์) หรือเค้กเนยอื่น ๆ ได้รับความนิยมแพร่หลาย
การปรับสูตรสู่ Butter Cake ที่ลงตัว
เมื่อเวลาผ่านไป สูตรบัตเตอร์เค้กถูกปรับปรุงให้สมดุลยิ่งขึ้น ระหว่างสัดส่วนของแป้ง น้ำตาล เนย และไข่ ก่อเกิดเนื้อเค้กที่โปร่งฟู นุ่มลิ้น และยังสามารถปรุงแต่งรสชาติด้วยวานิลลา ผงโกโก้ ผิวเลมอน หรือเติมผลไม้แห้งต่าง ๆ เข้าไปได้อย่างลงตัว ความเรียบง่ายแต่นุ่มนวลนี้ทำให้บัตเตอร์เค้กกลายเป็นสูตรพื้นฐานที่เชฟและคนอบขนมนิยมใช้ก่อนจะต่อยอดไปสู่เค้กอื่น ๆ
ส่วนผสมหลักของ Butter Cake
หัวใจสำคัญของบัตเตอร์เค้กคือการเลือกใช้วัตถุดิบหลักคุณภาพดี เพื่อให้ได้รสชาติและเนื้อสัมผัสในแบบที่ต้องการ
เนย (Butter)
คุณสมบัติของเนยในบัตเตอร์เค้ก
เนยเป็นพระเอกของบัตเตอร์เค้ก เพราะให้ทั้งกลิ่นหอม มัน และสร้างโครงสร้างเนื้อเค้ก เนยที่มีคุณภาพดีจะมีไขมันเนยสูง (European Butter มักมีไขมันประมาณ 82% หรือสูงกว่า) ซึ่งช่วยให้ตีเนยกับน้ำตาลขึ้นฟูได้ดี เนื้อเค้กจึงนุ่มและไม่แห้งกระด้าง
เนยเค็ม VS เนยจืด
ส่วนใหญ่การทำบัตเตอร์เค้กนิยมใช้เนยจืด (Unsalted Butter) เพราะควบคุมความเค็มได้สะดวก อย่างไรก็ตาม หากใช้เนยเค็มต้องลดปริมาณเกลือในสูตรลง เพื่อไม่ให้เค้กเค็มเกินไป
น้ำตาลทำหน้าที่ให้ความหวาน และเมื่อมีการตีเนยกับน้ำตาลจนขึ้นฟู จะเกิดการสร้างอากาศภายในเนื้อเค้ก ทำให้เค้กนุ่มฟู ทั้งนี้การเลือกใช้น้ำตาลทรายขาวหรือน้ำตาลทรายละเอียดจะช่วยให้ละลายและจับตัวกับเนยได้ง่ายขึ้น หากใช้น้ำตาลทรายแดงจะเพิ่มความหอมคาราเมลและสีสันให้บัตเตอร์เค้กด้วย
แป้งสาลีสำหรับเค้ก (Cake Flour) หรือแป้งอเนกประสงค์ (All-Purpose Flour) ที่มีปริมาณโปรตีนปานกลางถึงต่ำจะเหมาะกับการทำบัตเตอร์เค้ก เพราะจะทำให้เนื้อเค้กไม่เหนียวและมีความนุ่มเบา การร่อนไล่สิ่งเจือปน (Sifting) จะช่วยให้อากาศเข้าไปในเนื้อแป้ง ทำให้เค้กเบายิ่งขึ้น
ไข่มีหน้าที่สร้างความคงตัวของโครงสร้างเค้กและช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ไข่แดงให้ความมันและสีสัน ไข่ขาวช่วยเรื่องฟองอากาศและเนื้อสัมผัส โดยปกติใช้ไข่ไก่ขนาดกลางหรือใหญ่ตามสูตร และต้องอยู่ในอุณหภูมิห้องเพื่อช่วยให้ส่วนผสมเข้ากันได้ง่ายขึ้น
ของเหลว นมสด ครีม หรือบัตเตอร์มิลค์ถูกเติมลงไปเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและรสชาติ บ้างใช้วานิลลาเอ็กแทรค (Vanilla Extract) เพิ่มกลิ่นหอม นอกจากนี้ยังสามารถเติมน้ำมะนาว น้ำส้ม หรือน้ำผึ้ง เพื่อปรับรสให้น่าสนใจยิ่งขึ้น
เทคนิคการทำบัตเตอร์เค้ก
การตีเนยกับน้ำตาลให้ขึ้นฟู ขั้นตอนสำคัญที่สุดคือการตีเนยกับน้ำตาลจนขึ้นฟู สีอ่อน และเนื้อเบา ขั้นตอนนี้เป็นการเติมอากาศเข้าไปในเนย ทำให้เค้กฟูโดยธรรมชาติ เมื่อตีจนเนยฟูแล้วจึงค่อยทยอยใส่ไข่ทีละฟอง พร้อมตีให้เข้ากัน เพื่อไม่ให้เนยแยกชั้น
เคล็ดลับ
- ควรนำเนยออกมาวางที่อุณหภูมิห้องประมาณ 30-60 นาทีก่อนตี เพื่อให้เนยนุ่ม
- ตีน้ำตาลกับเนยด้วยความเร็วปานกลางสม่ำเสมอ ไม่ต้องรีบเร่ง
- ตีจนขึ้นฟูสังเกตจากสีเนยที่อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด และมีความเบานุ่ม
การเติมส่วนผสมแป้งและของเหลว เมื่อได้ส่วนผสมเนย-ไข่ที่ฟูแล้ว ให้เติมแป้งสลับกับนมลงไป โดยเริ่มต้นและจบด้วยแป้งเสมอ เทคนิคนี้ช่วยป้องกันไม่ให้เนื้อเค้กยุบหรือเหลวเกินไป การเติมแป้งทีละส่วนสลับกับนมจะช่วยให้ส่วนผสมเข้ากันได้ดีและเนื้อเค้กไม่แน่นเกินไป
อุณหภูมิและเวลาในการอบ อุณหภูมิในการอบบัตเตอร์เค้กโดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 160-180 องศาเซลเซียส (ขึ้นอยู่กับเตาอบและขนาดพิมพ์) ระยะเวลาอบประมาณ 30-50 นาที หรือจนกว่าไม้จิ้มฟันที่ปักลงไปในเค้กจะสะอาดไม่มีเศษเค้กติดขึ้นมา
เคล็ดลับ
- พิมพ์อบเค้กควรทาเนยและรองกระดาษไขเพื่อเค้กไม่ติดพิมพ์
- อย่าเปิดเตาอบบ่อยเพราะจะทำให้อุณหภูมิภายในไม่คงที่
- เมื่ออบเสร็จให้พักเค้กในพิมพ์สักครู่ก่อนนำออกมา
การเลือกวัตถุดิบคุณภาพดีเพื่อบัตเตอร์เค้กที่เป็นเลิศ
เนยคุณภาพสูง การลงทุนในเนยคุณภาพดี เช่น เนยยุโรปที่มีไขมันเนยสูง จะให้รสชาติที่เข้มข้นและกลิ่นหอมมันกว้างกว่าการใช้เนยราคาถูก
แป้งเค้ก แม้สามารถใช้แป้งอเนกประสงค์แทนได้ แต่การเลือกใช้แป้งเค้กซึ่งมีโปรตีนน้อยกว่า จะทำให้เนื้อบัตเตอร์เค้กนุ่มเบายิ่งขึ้น
กลิ่นวานิลลาธรรมชาติ หากเป็นไปได้ ให้ใช้วานิลลาเอ็กแทรคจากฝักวานิลลาธรรมชาติ เพราะให้กลิ่นหอมลุ่มลึกกว่าวานิลลาสังเคราะห์อย่างมีนัยสำคัญ
ความแตกต่างระหว่างบัตเตอร์เค้กและเค้กอื่น ๆ
บัตเตอร์เค้ก VS สปันจ์เค้ก (Sponge Cake)
สปันจ์เค้กใช้การตีไข่ให้ฟูในการสร้างอากาศ ขณะที่บัตเตอร์เค้กใช้การตีเนยกับน้ำตาลเป็นหลัก บัตเตอร์เค้กจึงมีรสเนยเด่นชัดและเนื้อสัมผัสแน่นกว่า ในขณะที่สปันจ์เค้กเบาและฟูเหมือนฟองน้ำ
บัตเตอร์เค้ก VS พาวด์เค้ก (Pound Cake)
พาวด์เค้กเป็นต้นแบบเก่าแก่ที่ใช้ส่วนผสมหลักเท่ากัน: เนย แป้ง น้ำตาล ไข่อย่างละ 1 ปอนด์ จึงหนักแน่นและแน่นกว่าบัตเตอร์เค้ก ปัจจุบันบัตเตอร์เค้กมีการปรับสัดส่วนให้เบาลง เพิ่มของเหลวและแต่งกลิ่นรสได้มากกว่า
เคล็ดลับการเก็บรักษาและเสิร์ฟบัตเตอร์เค้ก
การเก็บรักษา
บัตเตอร์เค้กสามารถเก็บที่อุณหภูมิห้องในภาชนะมีฝาปิดได้นาน 2-3 วัน หากต้องการเก็บนานขึ้นควรห่อด้วยฟิล์มถนอมอาหารแล้วใส่กล่องปิดมิดชิดและแช่ในตู้เย็น สามารถอยู่ได้นาน 5-7 วัน หรือแช่แข็งได้นานเป็นเดือน เมื่อต้องการนำออกมาทานให้นำมาวางที่อุณหภูมิห้องเพื่อให้เนื้อเค้กนุ่มลง
วิธีเสิร์ฟ
บัตเตอร์เค้กอร่อยที่สุดเมื่อเสิร์ฟอุณหภูมิห้อง สามารถราดซอสเบอร์รี วิปครีม หรือไอศกรีมเพื่อเพิ่มความอร่อย สามารถหั่นเป็นชิ้นเสิร์ฟคู่กับชา กาแฟ หรือนำไปใช้เป็นฐานของเค้กปอนด์ที่ตกแต่งด้วยฟองดองท์หรือครีมชีสฟรอสติ้ง
ความสำคัญของบัตเตอร์เค้กในโลกของเบเกอรี่ในปัจจุบัน
บัตเตอร์เค้กไม่ได้เป็นเพียงเค้กพื้นฐาน แต่มันคือรากฐานของศิลปะการอบขนม เชฟมืออาชีพมักใช้บัตเตอร์เค้กเป็นพื้นฐานก่อนดัดแปลงเป็นเค้กที่ซับซ้อนขึ้น เช่น เค้กชิฟฟอน เค้กเลเยอร์หลากสี เค้กแต่งหน้าด้วยฟองดองท์ หรือเค้กขอนไม้เทศกาลคริสต์มาส อีกทั้งความเรียบง่ายของบัตเตอร์เค้กยังทำให้การปรับเปลี่ยนรสชาติเป็นเรื่องง่าย สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย
คำถามที่พบบ่อย
สามารถใช้มาการีนแทนเนยได้หรือไม่?
แม้มาการีนจะมีราคาถูกกว่าและหาง่าย แต่รสชาติและความหอมที่ได้จะไม่เทียบเท่าเนยแท้ ทั้งนี้หากไม่สามารถหาเนยคุณภาพดีได้ อาจใช้มาการีนแต่ต้องยอมรับว่าเค้กจะมีกลิ่นและรสชาติที่ต่างออกไป
ทำไมบัตเตอร์เค้กถึงยุบหลังออกจากเตาอบ?
สาเหตุอาจมาจากการตีส่วนผสมมากเกินไป ทำให้เกิดฟองอากาศใหญ่ เมื่อนำเข้าอบและฟองอากาศแตก เค้กจะยุบลง หรืออุณหภูมิอบไม่คงที่ เปิดประตูเตาอบบ่อย ๆ อาจทำให้เค้กยุบได้เช่นกัน
ถ้าไม่มีแป้งเค้ก สามารถใช้แป้งอเนกประสงค์แทนได้หรือไม่?
สามารถใช้แป้งอเนกประสงค์ได้ แต่ควรร่อนแป้งหลายครั้งและอาจเติมแป้งข้าวโพดเล็กน้อยเพื่อปรับความนุ่ม ทำให้เนื้อเค้กเบาขึ้น
สามารถใช้เตาอบไฟฟ้าขนาดเล็กหรือหม้ออบลมร้อนได้ไหม?
ได้ แต่ต้องปรับอุณหภูมิและเวลาให้เหมาะสม บางครั้งอาจต้องลดอุณหภูมิลงเล็กน้อยหรือเพิ่มเวลาหากเค้กยังไม่สุก และหมุนพิมพ์ให้ความร้อนกระจายทั่วถึง
จะรู้ได้อย่างไรว่าเค้กสุกแล้ว?
ใช้ไม้จิ้มฟันหรือไม้ปลายแหลมจิ้มตรงกลางเค้ก หากดึงออกมาแล้วไม่มีเศษเค้กเปียกติดขึ้นมาแสดงว่าสุกแล้ว อีกวิธีคือลองกดเบา ๆ บนหน้าสุดของเค้ก ถ้าเค้กดีดตัวกลับแสดงว่าสุก
สามารถเติมผลไม้สดลงในบัตเตอร์เค้กได้หรือไม่?
ได้ แต่ควรใช้ผลไม้สดที่มีความชื้นต่ำหรือซับน้ำส่วนเกินออก อาจคลุกผลไม้ด้วยแป้งเล็กน้อยก่อนเติมลงในส่วนผสมเพื่อป้องกันผลไม้จมลงก้นพิมพ์
บัตเตอร์เค้กเป็นเค้กคลาสสิกที่มีต้นกำเนิดยาวนานและยังคงความนิยมในปัจจุบัน เพราะความหอมมันของเนย เนื้อสัมผัสนุ่มชุ่มลิ้น และปรับแต่งรสชาติได้หลากหลาย การเข้าใจส่วนผสม กระบวนการตีเนยกับน้ำตาล และการใช้วัตถุดิบคุณภาพดี รวมถึงการอบที่เหมาะสม ล้วนเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างบัตเตอร์เค้กสมบูรณ์แบบ
เมื่อคุณเข้าใจศาสตร์และศิลป์ของการทำบัตเตอร์เค้ก คุณจะสามารถพลิกแพลงสูตรให้เข้ากับสไตล์ของตนเองได้ ไม่ว่าจะเติมผลไม้ ใส่ผงโกโก้ ปรับเปลี่ยนกลิ่นวานิลลา หรือเน้นความหอมของเลมอน ทุกอย่างล้วนทำให้เค้กชิ้นนี้มีเอกลักษณ์และอร่อยในแบบฉบับของคุณเอง
การมีบัตเตอร์เค้กดี ๆ ติดบ้านไม่ได้เป็นเพียงการมีขนมอร่อยติดครัวเท่านั้น แต่มันยังเป็นเหมือนผืนผ้าใบให้คุณได้สร้างสรรค์งานศิลปะหวาน ๆ ด้วยความคิดสร้างสรรค์และความรักในเบเกอรีอีกด้วย