ทุกเรื่องที่คุณอยากรู้เกี่ยวกับ “เพรทเซล” (Pretzel) ตั้งแต่ประวัติ ความเป็นมา ไปจนถึงวิธีทำเองที่บ้าน

ทุกเรื่องที่คุณอยากรู้เกี่ยวกับ “เพรทเซล” (Pretzel) ตั้งแต่ประวัติ ความเป็นมา ไปจนถึงวิธีทำเองที่บ้าน

เมื่อพูดถึงขนมปังทรงบิดเกลียวเคลือบเกลือ เม็ดใหญ่ออกมาเรียงสวยงาม หลายคนอาจจะนึกถึงขนมที่มีชื่อว่า “เพรทเซล” (Pretzel) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ขนมแห่งแคว้นบาวาเรีย (Bavaria) ในเยอรมนี และเป็นที่นิยมไปทั่วโลก ไม่ว่าจะกินตอนเช้าคู่กับกาแฟ หรือเป็นของว่างยามบ่ายแบบเพลิน ๆ หลายคนอาจคุ้นเคยกับเพรทเซลในรูปแบบเส้นกรอบ ๆ ที่มาในถุงขนม แต่ในความจริงแล้ว เพรทเซลมีความหลากหลายมากกว่านั้น บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักเพรทเซลตั้งแต่ต้นกำเนิด ประเภท เคล็ดลับในการทำ ไปจนถึงคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับขนมชนิดนี้

เพรทเซล คืออะไร?

เพรทเซล (Pretzel) คือ ขนมปังที่ขึ้นรูปเป็นทรงบิดเกลียวไขว้กัน โดยทั่วไปเคลือบด้วยเกลือเม็ดใหญ่ (Pretzel Salt) ให้รสสัมผัสกรอบ ๆ เค็ม ๆ ที่โดดเด่น เพรทเซลเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของความเป็นเยอรมันอย่างแท้จริง ยิ่งในแคว้นบาวาเรียหรือเมืองมิวนิก (Munich) เรายิ่งจะพบเพรทเซลสด ๆ ขนาดใหญ่ แขวนเรียงตามร้านเบเกอรี่ หรือเสิร์ฟเคียงเบียร์เยอรมันได้อย่างเอร็ดอร่อย

เพรทเซล มาจากประเทศอะไร

ต้นกำเนิดเพรทเซลจากยุคกลาง

เรื่องเล่ากันว่า เพรทเซลมีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ยุคกลางของยุโรป (ประมาณศตวรรษที่ 7) มีตำนานเล่าว่า พระสงฆ์ในอิตาลีหรือฝรั่งเศสยุคนั้นมักจะใช้แป้งผสมเกลือ นำไปอบเป็นแผ่นทรงบิด เพื่อเป็นรางวัลให้กับเด็ก ๆ ที่ท่องบทสวดมนต์ได้ครบ โดยเรียกว่า “pretiola” (ภาษาละตินแปลว่า “ของมีค่าเล็ก ๆ”) จากนั้นรูปทรงบิดเกลียวคล้าย “แขนสองข้างไขว้กัน” จึงถูกเชื่อมโยงกับการสวดมนต์และวัฒนธรรมคาทอลิก

แพร่หลายในเยอรมนีและแคว้นบาวาเรีย

เมื่อเวลาผ่านไป เพรทเซลได้แพร่เข้าสู่เยอรมนี จนกลายเป็นของโปรดในแคว้นบาวาเรีย โดยเฉพาะในศตวรรษที่ 19 – 20 ที่คนเยอรมันนิยมดื่มเบียร์ และพบว่า “เพรทเซล” เข้ากันได้ดีกับเบียร์สุด ๆ เนื่องจากความเค็มเล็กน้อย ช่วยเพิ่มความอยากดื่มและตัดรสชาติ

เพรทเซลในวัฒนธรรมอเมริกา

ชนชาติเยอรมันที่อพยพไปยังสหรัฐอเมริกาได้นำเพรทเซลไปเผยแพร่จนกลายเป็นที่นิยม โดยเฉพาะบริเวณรัฐเพนซิลเวเนีย (Pennsylvania) ที่มีผู้อพยพเยอรมันจำนวนมาก ทำให้เกิดการผลิตเพรทเซลเชิงพาณิชย์แบบเส้นกรอบ (Hard Pretzel) ขึ้นอย่างแพร่หลาย

ประเภทของเพรทเซล

1. เพรทเซลแบบแข็ง (Hard Pretzel)

  • ลักษณะ: มีรูปทรงเป็นแท่งบิดเป็นปม หรือเป็นทรงเกลียว แต่รีดบางและอบนานกว่า ให้เนื้อสัมผัสกรอบแข็ง เคี้ยวสนุก บางครั้งมาในรูปทรงคล้าย ๆ แท่งบิสกิตสั้น ๆ
  • รสชาติ: มีความเค็มกำลังดี บางยี่ห้ออาจเคลือบซอสหรือเครื่องปรุงรสหลากหลาย เช่น รสน้ำผึ้งมัสตาร์ด ชีส หรือเครื่องเทศ
  • ความนิยม: เป็นของขบเคี้ยวที่พกง่าย เก็บไว้ได้นาน เหมาะทานเล่นระหว่างวัน หรือกินคู่กับเครื่องดื่มเบา ๆ

2. เพรทเซลแบบนุ่ม (Soft Pretzel)

  • ลักษณะ: เนื้อสัมผัสนุ่มฟู กรอบเล็กน้อยด้านนอก แต่ข้างในยังคงความเหนียวนุ่ม มักมีขนาดใหญ่กว่าประเภทแข็ง และต้องกินแบบสดใหม่
  • รสชาติ: มักเคลือบหน้าด้วยเกลือเม็ดใหญ่ ได้ความเค็มอ่อน ๆ หอมเนย หรือบางครั้งเพิ่มเครื่องปรุงหลากหลาย เช่น เนยกระเทียม ชีส หรืออบเชย-น้ำตาล
  • ความนิยม: พบได้ตามร้านเบเกอรี่หรือรถเข็นตามงานเทศกาล อร่อยสุด ๆ เมื่อกินอุ่น ๆ หรือจิ้มมัสตาร์ด ซอสชีส หรือน้ำจิ้มหวานอื่น ๆ

วิธีทําเพรทเซลให้ได้รสชาติและหน้าตาสวยงาม

วัตถุดิบหลัก

  1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ (All-Purpose Flour) – เลือกใช้เกรดดี เพื่อให้ได้เนื้อแป้งเหนียวนุ่ม
  2. ยีสต์ (Yeast) – ควรเป็นยีสต์แห้งชนิดสำหรับขนมปัง หรือยีสต์สดก็ได้ แต่ต้องคำนวณปริมาณตามสูตร
  3. น้ำอุ่น (Warm Water) – ช่วยกระตุ้นการทำงานของยีสต์
  4. เกลือ (Salt) – ใส่ทั้งในแป้งและโรยหน้า ให้รสสัมผัสกลมกล่อม
  5. น้ำตาล (Sugar) หรือบางสูตรอาจใช้ มอลต์ (Malt) เพื่อเพิ่มกลิ่นหอม
  6. เบกกิ้งโซดา (Baking Soda) – สำคัญมาก เพราะใช้ต้มแป้งเพรทเซลก่อนอบ เพื่อสร้างสีสวยและเปลือกเงาเล็กน้อย
  7. เนย (Butter) – บางสูตรใส่ในแป้ง เพิ่มความหอมเนย

ขั้นตอนหลักในการทำเพรทเซลแบบนุ่ม (Soft Pretzel)

  1. ผสมและนวดแป้ง: เริ่มจากผสมยีสต์กับน้ำอุ่นและน้ำตาล (หรือมอลต์) รอให้ยีสต์ทำปฏิกิริยา จากนั้นค่อย ๆ ใส่แป้งสาลีและเกลือลงไป นวดจนแป้งเนื้อเนียน (สามารถใช้เครื่องผสมแป้งหรือนวดมือก็ได้)
  2. หมักแป้ง (Proof): หลังจากนวดได้ที่แล้ว พักแป้งให้ฟูประมาณ 1 ชั่วโมง หรือจนแป้งขึ้นเป็น 2 เท่า
  3. ขึ้นรูป (Shaping): แบ่งแป้งเป็นก้อน ๆ รีดให้เป็นเส้นยาวแล้วบิดเป็นทรงเพรทเซล (ทรงโบว์ไขว้กัน)
  4. ต้มในน้ำผสมเบกกิ้งโซดา: เคล็ดลับสำคัญคือการนำแป้งเพรทเซลที่บิดเป็นทรงแล้ว ลงไปต้มในน้ำที่ผสมเบกกิ้งโซดา 30-60 วินาที ขั้นตอนนี้ช่วยสร้างสีสวย เมื่ออบจะได้เปลือกเงาและรสชาติเฉพาะตัว
  5. ทาไข่หรือเนยและโรยเกลือ: เพื่อให้ผิวเงาและมีรสเค็มเบา ๆ จากเกลือเม็ดใหญ่ บางคนอาจโรยชีสหรือสมุนไพรต่าง ๆ เพิ่มตามชอบ
  6. อบ: นำเพรทเซลเข้าอบที่อุณหภูมิ 200-220 °C (ขึ้นอยู่กับสูตร) จนกระทั่งมีสีเหลืองทองสวย ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที

เคล็ดลับความอร่อยของเพรทเซ

  1. เบกกิ้งโซดาก่อนอบ: อย่าข้ามขั้นตอนต้มแป้งในน้ำผสมเบกกิ้งโซดา เพราะนี่คือหัวใจที่จะทำให้เพรทเซลมีรสสัมผัสและสีสวยเป็นเอกลักษณ์
  2. เวลา Proof ต้องพอดี: หากปล่อยให้หมักนานเกินไป เนื้อเพรทเซลอาจฟูมากและเสียรูปทรง แต่ถ้าหมักน้อยไปก็จะได้เพรทเซลแข็งและไม่ฟู
  3. ใช้เกลือ Pretzel หรือเกลือเม็ดใหญ่: ช่วยเพิ่มเท็กซ์เจอร์กรุบ ๆ เค็ม ๆ ยิ่งเค็มยิ่งเข้ากับเนื้อขนมปัง
  4. อบไฟแรง: เพรทเซลแบบนุ่มมักอบที่อุณหภูมิสูงสักหน่อย เพื่อให้ข้างนอกเหลืองสวยแต่ด้านในยังคงความนุ่ม
  5. เสิร์ฟร้อนหรืออุ่น: เพรทเซลแบบนุ่มจะอร่อยที่สุดเมื่ออบเสร็จใหม่ ๆ แนะนำให้กินทันที หรืออุ่นซ้ำในเตาอบสักครู่ก่อนทาน

เพรทเซลกินกับอะไรอร่อย แล้วกินยังไง

  • เพรทเซลแบบนุ่มและซอสชีส (Cheese Dip): อร่อยสุด ๆ เพราะความเค็มของเพรทเซลเข้ากับความเข้มข้นของซอสชีสได้อย่างดี
  • เพรทเซล + เบียร์เยอรมัน: เป็นคู่ซิกเนเจอร์ในประเทศเยอรมนี โดยเฉพาะในเทศกาล Oktoberfest
  • เพรทเซล + มัสตาร์ด: สำหรับใครที่ชอบรสออกเผ็ดหรือเปรี้ยวเล็ก ๆ มัสตาร์ดคือซอสจิ้มที่สุดยอด
  • เพรทเซล + ขนมหวาน: มีบางคนชอบนำเพรทเซลไปทานกับช็อกโกแลตหรือน้ำผึ้ง ก็ให้รสหวานเค็มที่ลงตัว

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

ทำไมต้องใช้น้ำที่ผสมเบกกิ้งโซดาในการต้มแป้งเพรทเซล?

ขั้นตอนนี้เป็นเทคนิคสำคัญในการได้สีและเปลือกพิเศษของเพรทเซล เบกกิ้งโซดามีฤทธิ์เป็นด่างอ่อน ๆ เมื่อทำปฏิกิริยากับโปรตีนบนผิวแป้ง จะช่วยให้สีของขนมปังออกเป็นสีน้ำตาลทองสวย และยังสร้างกลิ่นและรสชาติหอมเฉพาะตัวด้วย

สามารถไม่โรยเกลือได้ไหม?

ได้เช่นกัน ถ้าใครไม่ชอบรสเค็มหรือมีข้อจำกัดด้านโซเดียม สามารถงดโรยเกลือเม็ดใหญ่ได้ อาจเปลี่ยนเป็นทาเนยกระเทียมหรืออบเชย-น้ำตาลแทน แต่จะเสียความเป็น “เพรทเซลดั้งเดิม” ไปเล็กน้อย

ต้องใช้แป้งชนิดพิเศษในการทำเพรทเซลหรือไม่?

ส่วนใหญ่ใช้แป้งสาลีอเนกประสงค์ (All-Purpose Flour) ก็เพียงพอแล้ว แต่หากอยากได้สัมผัสที่เหนียวนุ่มขึ้นอีก อาจผสมแป้งขนมปัง (Bread Flour) เข้าไป 25-50% ตามชอบ

เก็บเพรทเซลได้นานแค่ไหน?

เพรทเซลแบบนุ่ม: ควรทานภายใน 1 วันหรือ 2 วัน (เก็บในภาชนะปิดสนิท) ถ้าแห้งลงสามารถนำมาอุ่นหรือนึ่งเพื่อคืนความชื้น
เพรทเซลแบบแข็ง: เก็บได้นานหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนในถุงหรือกล่องปิดสนิท

ถ้าไม่มีเตาอบ จะทำเพรทเซลได้ไหม?

อาจจะยากสักหน่อย เพราะเพรทเซลต้องการอุณหภูมิสูงและสม่ำเสมอ แต่ถ้าใครมีหม้ออบลมร้อน (Air Fryer) หรือเตาอบเล็ก ๆ ก็อาจลองปรับอุณหภูมิและเวลาจนได้ใกล้เคียง

สามารถทำเป็นเพรทเซลวีแกนได้ไหม?

ได้ เพียงเปลี่ยนส่วนผสมที่เป็นผลิตภัณฑ์นม เช่น เนย หรือไข่ ให้เป็นน้ำมันพืชแทน และหลีกเลี่ยงการใช้เนยเคลือบผิว เท่านี้ก็กลายเป็นเพรทเซลวีแกนได้แล้ว

เพรทเซล มีกี่แคลอรี่

เพรทเซลขนาดมาตรฐาน (ประมาณ 100 กรัม) มีประมาณ 300-400 แคลอรี่ ขึ้นอยู่กับส่วนผสมและวิธีการทำค่ะ!

สรุปท้ายบทความ

เพรทเซล (Pretzel) ไม่ได้เป็นเพียงแค่ขนมปังเคี้ยวเพลิน แต่ยังมีประวัติศาสตร์ยาวนานและเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมในหลายประเทศ โดยเฉพาะเยอรมนี ที่ได้ชื่อว่าเป็นต้นกำเนิดเพรทเซลสมัยใหม่ เราสามารถพบเห็นเพรทเซลได้ในรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่เพรทเซลแบบแข็ง (Hard Pretzel) ที่เป็นของขบเคี้ยวสุดฮิต ไปจนถึงเพรทเซลแบบนุ่ม (Soft Pretzel) ขนาดใหญ่ที่หอมอบใหม่ ๆ อย่างละมุน

หากคุณลองทำเพรทเซลที่บ้าน ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะยุ่งยาก เพราะวัสดุอุปกรณ์หาได้ง่าย ขั้นตอนก็ไม่ซับซ้อน ขอเพียงใส่ใจเคล็ดลับเรื่องน้ำผสมเบกกิ้งโซดา อบที่อุณหภูมิสูงพอเหมาะ และอย่าลืมโรยเกลือเม็ดใหญ่เพื่อความเป็นเพรทเซลแท้ ๆ เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ขนมปังหน้าตาดี พร้อมเสิร์ฟความอร่อยให้ตัวเอง ครอบครัว หรือเพื่อน ๆ แบบฟิน ๆ

ใครชอบรสหวาน เค็ม หรืออยากลองประยุกต์เพิ่มท็อปปิ้งแบบต่าง ๆ ก็สามารถพลิกแพลงได้ตามใจ รวมถึงการจับคู่ทานกับเครื่องดื่มหรือซอสหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเบียร์เยอรมัน มัสตาร์ด หรือแม้แต่ดิปชีส นี่คือเสน่ห์ที่ทำให้เพรทเซลครองใจนักกินทั่วโลก ถ้าคุณยังไม่เคยลอง — แนะนำว่าอย่าพลาด!

สรุปสั้น ๆ: เพรทเซลเป็นขนมปังทรงบิดเกลียวสไตล์เยอรมันที่มีรสเค็มหอมเฉพาะตัว ประวัติยาวนานและมีความหลากหลายทั้งแบบแข็งและแบบนุ่ม เหมาะสำหรับคนที่ชอบลองทำขนมและได้สนุกกับการตกแต่ง หากลองทำตามขั้นตอนที่แนะนำ รับรองว่าเพรทเซลถาดแรกของคุณจะออกมาอร่อยไม่แพ้ร้านดังเลยล่ะ

https://knowhowbake.in.th