ขนมปังบริยอช (Brioche) | KNOWHOWBAKE

ถ้าพูดถึงขนมปังที่ขึ้นชื่อเรื่องความหอม นุ่ม และรสชาติเข้มข้นจากเนยและไข่ “ขนมปังบริยอช” (Brioche) ย่อมเป็นหนึ่งในนั้นอย่างแน่นอน ด้วยเอกลักษณ์ของเนื้อสัมผัสที่ละเอียดและรสชาติที่ละมุน ทำให้บริยอชกลายเป็นขนมปังระดับพรีเมียมซึ่งเป็นที่รักของคนรักเบเกอรี่ทั่วโลก ที่ KNOWHOWBAKE เราเชื่อว่าการทำขนมไม่ใช่แค่การผสมวัตถุดิบหรือการอบให้สุกเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งต่อความสุขและแรงบันดาลใจให้กับทั้งผู้ทำและผู้ที่ได้รับประทาน ซึ่งขนมปังบริยอชก็เป็นตัวแทนที่ยอดเยี่ยมในการสะท้อนความตั้งใจนั้น

บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับขนมปังบริยอชอย่างละเอียด ตั้งแต่ประวัติความเป็นมา ลักษณะเฉพาะตัว ความแตกต่างกับขนมปังทั่วไป วัตถุดิบสำคัญ วิธีการทำ และเคล็ดลับฉบับ KNOWHOWBAKE ที่จะช่วยให้ขนมปังของคุณออกมาสวยงาม หอมกรุ่นน่ารับประทาน นอกจากนี้ยังมี FAQ และบทสรุปสั้น ๆ เพื่อช่วยให้คุณนำความรู้นี้ไปปรับใช้ได้ทันทีในครัวของคุณ

ขนมปังบริยอช (Brioche) คืออะไร?

บริยอช (Brioche) คือขนมปังฝรั่งเศสที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นจากเนื้อสัมผัสที่นุ่มฟูและรสชาติที่หวานละมุน ขนมปังชนิดนี้จัดอยู่ในกลุ่มขนมปังที่มีไขมันสูง เนื่องจากใช้ส่วนผสมหลักอย่าง เนยและไข่ ในปริมาณมาก ซึ่งช่วยให้ได้เนื้อขนมปังที่ชุ่มฉ่ำและหอมกรุ่น

บริยอชมักถูกนำมาปรับใช้ในหลากหลายเมนู เช่น ขนมปังเบอร์เกอร์แบบพรีเมียม หรือใช้คู่กับของหวานอย่างแยมและน้ำผึ้ง นอกจากนี้ ยังสามารถอบในรูปแบบต่าง ๆ เช่น บริยอชก้อนเล็ก (Brioche à Tête) หรือบริยอชแถว

ขนมปังบริยอชไม่ได้เป็นแค่ขนมปังธรรมดา แต่เป็นตัวแทนของศิลปะการทำขนมที่พิถีพิถันและเป็นเอกลักษณ์ของฝรั่งเศส!

ประวัติความเป็นมาของขนมปังบริยอช

คำว่า “Brioche” มาจากภาษาฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประเทศที่ถือได้ว่าเป็นต้นกำเนิดของขนมปังชนิดนี้ ย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 15–17 ชาวฝรั่งเศสมีความนิยมในขนมปังที่มีปริมาณไขมัน (เนย) และไข่สูง ซึ่งช่วยเพิ่มความหอมมันและให้เนื้อสัมผัสที่นุ่มฟู การทำขนมปังบริยอชจึงถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะแพร่หลายและกลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของขนมปังสไตล์ฝรั่งเศสที่มีความหรูหรา

เดิมที บริยอชถือเป็นขนมปังสำหรับชนชั้นสูงในฝรั่งเศส เพราะมีการใช้วัตถุดิบราคาแพงในยุคนั้นอย่างเนยและไข่ในปริมาณมาก อีกทั้งมีกรรมวิธีการนวด การหมัก และการขึ้นรูปที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน เป็นงานฝีมืออย่างแท้จริง กล่าวกันว่าความนิยมของบริยอชกระจายออกไปทั่วโลกเมื่อบรรดาเชฟผู้มีชื่อเสียงนำสูตรและเทคนิคมาเผยแพร่ในภัตตาคารและโรงแรมระดับห้าดาว จนกระทั่งปัจจุบันขนมปังบริยอชได้กลายเป็นเมนูประจำคาเฟ่และร้านเบเกอรี่มากมาย ทั่วโลกต่างหลงรักความหอมมันและความนุ่มฟูที่เป็นเอกลักษณ์ยากจะเลียนแบบ

ลักษณะเฉพาะของบริยอช

ขนมปังบริยอชมีคุณลักษณะที่ชัดเจนและแตกต่างจากขนมปังอื่น ๆ ดังนี้

  1. รสชาติหอมมันจากเนยและไข่
    ปริมาณเนยและไข่ที่สูงทำให้มีรสชาติละมุน ลึก และมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ บางสูตรอาจเติมน้ำตาลเล็กน้อยเพื่อเสริมความหวานอ่อน ๆ ช่วยให้ทานเปล่า ๆ ได้อร่อย
  2. เนื้อสัมผัสนุ่มและยืดหยุ่น
    บริยอชเป็นขนมปังที่เนื้อในจะมีความฟูโปร่ง แต่แน่นในขณะเดียวกัน ให้ความรู้สึก “เส้นใย” เมื่อฉีกด้วยมือ หรือตัดด้วยมีดก็จะเห็นเป็นเนื้อชั้นเล็ก ๆ สวยงาม
  3. รูปทรงและการตกแต่ง
    รูปทรงที่คลาสสิกที่สุดของบริยอชจะเป็นทรงกลมที่มีปุ่มกลมเล็ก ๆ อยู่ด้านบน (เรียกกันว่า Brioche à Tête) นอกจากนี้ยังมีรูปทรงอื่น ๆ เช่น ถักเป็นเปีย หรืออบในพิมพ์โลฟ (Loaf) ให้ดูเรียบง่ายแต่หรูหรา
  4. กลิ่นหอมอบอวล
    เนื่องจากมีไข่และเนยในสัดส่วนสูง พอเข้าตาอบความร้อนก็จะกระตุ้นให้เกิดกลิ่นที่โดดเด่น ชวนให้อยากชิมตั้งแต่ยังไม่เอาออกจากเตา

ด้วยเหตุนี้ บริยอชจึงถูกยกย่องให้เป็น “ขนมปังเนยและไข่” ที่ขึ้นชื่อว่ามีความหอมและนุ่มกว่าใคร ๆ แม้จะเป็นขนมปังที่ใช้เวลานานในการทำ แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็คุ้มค่าเสมอ

ความแตกต่างระหว่างขนมปังบริยอชกับขนมปังทั่วไป

  1. สัดส่วนวัตถุดิบ
    • ขนมปังทั่วไปอาจใช้แค่แป้ง น้ำ เกลือ และยีสต์ หรือมีนมและน้ำตาลเสริมตามสูตร
    • บริยอชใช้ไข่และเนยในปริมาณมากกว่าอย่างชัดเจน ทำให้ได้รสชาติที่เข้มข้น หอมมันมากขึ้น
  2. กระบวนการนวด
    • เนื่องจากปริมาณเนยสูง การนวดจึงยุ่งยากกว่า ต้องใช้เทคนิคและเวลาในการผสมเพื่อให้ส่วนผสมเข้ากันอย่างสมบูรณ์ ไม่อย่างนั้นเนยจะไม่จับกับแป้ง
    • สำหรับขนมปังทั่วไป ปริมาณไขมันน้อยกว่า ทำให้การนวดง่ายและใช้เวลาสั้นกว่า
  3. เนื้อสัมผัส
    • บริยอชมีเนื้อนุ่มเนียน ฉีกออกเป็นเส้นใยบาง ๆ และมีรสชาติที่อุดมไปด้วยไข่และเนย
    • ขนมปังทั่วไปมักเน้นความเบาและโปร่ง บางสูตรไม่มีความมันมาก หรืออาจมีเนื้อหยาบกว่า
  4. ช่วงเวลาในการพักแป้ง (Proofing)
    • สูตรบริยอชบางสูตรจะให้พักในตู้เย็น (หรือที่เย็น) เพื่อให้เนยในแป้งเซ็ตตัว ช่วยให้ขึ้นรูปได้ง่ายขึ้น และเป็นการหมักยีสต์อย่างช้า ๆ ทำให้ได้กลิ่นและรสชาติที่ซับซ้อน
    • ขนมปังทั่วไปอาจพักแป้งในอุณหภูมิห้องประมาณ 1-2 ครั้ง แล้วอบเลย จึงใช้เวลาสั้นกว่า

ด้วยความแตกต่างเหล่านี้ทำให้บริยอชมีต้นทุนและกระบวนการทำที่ซับซ้อนกว่า แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ต่างระดับ จนกลายเป็นขนมปังที่มีเอกลักษณ์และได้รับความนิยมอย่างสูงในวงการขนมอบ

วัตถุดิบสำคัญในการทำบริยอช

ขนมปังบริยอชแม้มีวัตถุดิบคล้ายกับขนมปังชนิดอื่น แต่ปริมาณและคุณภาพของวัตถุดิบที่ใช้จะเป็นตัวกำหนดผลลัพธ์อย่างมาก มาดูรายละเอียดกันเลย

  1. แป้งขนมปัง (Bread Flour)
    • ควรเลือกแป้งขนมปังที่มีค่าความแข็งแรงของโปรตีน (Gluten) สูงพอเหมาะ ไม่เช่นนั้นบริยอชจะไม่ฟูและไม่เป็นโครงสร้างสวย
    • บางสูตรอาจผสมแป้งเค้กหรือแป้งอเนกประสงค์เพื่อเพิ่มความนุ่ม
  2. ยีสต์ (Yeast)
    • สามารถใช้ยีสต์แห้งสำเร็จรูป (Instant Yeast) หรือยีสต์สดได้ตามความสะดวก
    • หากเลือกใช้ยีสต์แห้ง ควรเช็กวันหมดอายุและการเก็บรักษา หากยีสต์เสื่อมสภาพ บริยอชจะขึ้นฟูไม่ได้ตามต้องการ
  3. ไข่ (Eggs)
    • เป็นหัวใจหลักที่ทำให้บริยอชแตกต่างจากขนมปังอื่น ๆ เพราะใช้ปริมาณไข่ค่อนข้างมาก
    • ควรเลือกใช้ไข่สดใหม่เกรดดี เพื่อรสชาติและสีสันที่สวยงาม
  4. เนย (Butter)
    • มีสัดส่วนสูงมากเป็นพิเศษในสูตรบริยอช บางสูตรอาจใช้เนยมากถึง 50% ของน้ำหนักแป้ง
    • เลือกใช้เนยแท้คุณภาพดี (unsalted butter) เพื่อรสชาติที่หอมอร่อย และควรอยู่ที่อุณหภูมิห้องตอนผสม
  5. น้ำตาล (Sugar)
    • ปริมาณน้ำตาลมักไม่มากจนกลายเป็นขนมหวาน เพราะจุดประสงค์คือเพิ่มความหอมละมุน
    • บางสูตรอาจใช้น้ำตาลทรายขาวหรือน้ำตาลทรายแดง รวมถึงใส่น้ำผึ้งหรือน้ำเชื่อมเมเปิลเพื่อเพิ่มกลิ่นพิเศษ
  6. เกลือ (Salt)
    • ช่วยเสริมรสชาติรวม และควบคุมให้ได้ความสมดุลของรสไม่หวานจนเกินไป
    • ควรใส่เกลือในสัดส่วนเหมาะสม ประมาณ 1–2% ของน้ำหนักแป้ง
  7. ส่วนผสมเสริม
    • อาจเพิ่มรสชาติหรือความพิเศษ เช่น ผงโกโก้ ช็อกโกแลตชิพ ผลไม้แห้ง หรือชีสลงไปในขั้นตอนสุดท้ายก่อนขึ้นรูป
    • ช่วยสร้างความหลากหลายให้บริยอชน่าทานมากยิ่งขึ้น

วิธีการทำขนมปังบริยอช (ฉบับ KNOWHOWBAKE)

ในส่วนนี้ เราขอแบ่งขั้นตอนสำคัญของการทำขนมปังบริยอช เพื่อให้คุณเห็นภาพรวมชัดเจน โดยจะอ้างอิงกระบวนการและเทคนิคจาก KNOWHOWBAKE ที่เราใช้ในการสอนคอร์สทำขนมปังขั้นสูง

เตรียมและผสมส่วนผสม

  1. ชั่งตวงวัตถุดิบอย่างแม่นยำ
    • เริ่มจากการชั่งแป้ง, ยีสต์, เกลือ, น้ำตาล, เนย และไข่ ให้ตรงตามสูตร
    • การคำนวณผิดเพียงเล็กน้อยอาจทำให้ผลลัพธ์ของบริยอชเปลี่ยนไปมาก
  2. ผสมของแห้งกับของเหลวในลำดับที่ถูกต้อง
    • ใส่แป้ง, ยีสต์, น้ำตาล, และเกลือลงในโถผสมก่อน อาจผสมด้วยตะขอ (Dough Hook) ในเครื่องผสมความเร็วต่ำ
    • ค่อย ๆ ใส่ไข่และนวดจนส่วนผสมเริ่มเกาะตัว
  3. ทยอยใส่เนยอุณหภูมิห้อง
    • หลังจากแป้งและไข่พอเริ่มเป็นก้อนแป้งแล้ว ค่อย ๆ เติมเนยลงไปทีละน้อย
    • ขั้นตอนนี้ใช้เวลานาน เนื่องจากต้องนวดให้เนยผสมเข้ากับแป้งอย่างทั่วถึง และแป้งไม่เหลวเกินไป

การนวดแป้ง

  1. นวดด้วยความเร็วต่ำ-กลาง
    • หากใช้เครื่องผสม ควรเริ่มที่ความเร็วต่ำก่อน เพื่อป้องกันการกระเด็นและควบคุมเนื้อแป้ง
    • เมื่อตัวแป้งเริ่มพัฒนาโครงสร้างและดูเนียนขึ้น ค่อยเพิ่มความเร็วปานกลาง
  2. ทดสอบขึงฟิล์ม (Windowpane Test)
    • การทดสอบโดยดึงแผ่นแป้งบาง ๆ จนเห็นเป็นฟิล์มโปร่งแสง โดยไม่ขาดง่าย แสดงว่าแป้งเกิดโครงสร้างกลูเตนที่ดี
    • ถ้ายังขาดง่าย ให้กลับไปนวดต่อ
  3. ระวังความร้อนขณะนวด
    • ถ้าเครื่องผสมทำงานนานเกินไป ความร้อนจากมอเตอร์อาจทำให้เนยละลายหมด และยีสต์อาจตายได้
    • ควรพักเครื่องสักครู่หากรู้สึกว่าถ้วยหรือก้อนแป้งเริ่มอุ่นมากเกินไป

การพักแป้ง (Bulk Fermentation)

  1. ย้ายแป้งที่นวดเสร็จใส่ชามที่ทาไขมันบาง ๆ
    • คลุมด้วยพลาสติกแรปหรือลังอบ (Proofing Box) ให้มีอุณหภูมิที่เหมาะสม (อาจเป็น 25–28°C) เพื่อให้ยีสต์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
  2. พักแป้ง 1–2 ชั่วโมง หรือจนปริมาณเพิ่มเป็นสองเท่า
    • ในระหว่างนี้ ยีสต์จะปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้ก้อนแป้งพองฟู
  3. เคาะไล่ลม (Punch Down)
    • หลังพักแป้งเสร็จ ให้ใช้มือหรือหมัดกดลงไปเบา ๆ ที่กลางก้อนแป้งเพื่อไล่ฟองแก๊สส่วนเกิน
    • ขั้นตอนนี้ช่วยให้เนื้อขนมปังแน่นขึ้นและกระจายแก๊สได้สม่ำเสมอ

การพักแป้งในตู้เย็น (พักข้ามคืน)

นี่เป็นเทคนิคสำคัญในการทำบริยอช เพราะช่วยให้เนยในแป้งเซ็ตตัว และช่วยพัฒนารสชาติที่ลุ่มลึก

  1. นำก้อนแป้งเข้าตู้เย็นในอุณหภูมิ 4°C
    • คลุมด้วยพลาสติกแรปให้แน่น
    • พักแป้งข้ามคืน (ประมาณ 8–12 ชั่วโมง) เพื่อให้แป้งผ่อนคลายและพร้อมขึ้นรูป
  2. ผลลัพธ์ที่ได้
    • แป้งจะเหนียวกำลังดี ขึ้นรูปง่าย กลูเตนอยู่ตัว เนื้อขนมปังเมื่ออบเสร็จจะมีสปริงที่ดีและรสชาติหอมมัน

การขึ้นรูป (Shaping)

  1. แบ่งแป้งตามต้องการ
    • อาจปั้นเป็นลูกกลมวางในพิมพ์มัฟฟินเพื่อทำ Brioche à Tête
    • หรือรีดแล้วม้วนใส่ในพิมพ์โลฟเพื่อเป็น Brioche Loaf
  2. การตกแต่ง
    • ถ้าอยากได้หน้าขนมเงาสวย ให้ทาหน้าด้วยไข่แดงผสมน้ำเล็กน้อย (Egg Wash) ก่อนอบ
    • สามารถโรยน้ำตาลหยาบ เมล็ดธัญพืช หรือชีส ตามสูตรที่ประยุกต์ได้
  3. พักแป้งรอบสุดท้าย (Final Proof)
    • ปล่อยให้แป้งฟูขึ้นอีกครั้ง ราว 45–60 นาที หรือจนสังเกตเห็นว่าขนมปังมีขนาดใหญ่ใกล้เคียงสองเท่าของเดิม

การอบ (Baking)

  1. อุ่นเตาอบ (Preheat)
    • ตั้งอุณหภูมิตามสูตร โดยทั่วไปจะอยู่ในช่วง 170–190°C (ขึ้นอยู่กับขนาดของขนมและเตาอบแต่ละบ้าน)
  2. เวลาอบ
    • ประมาณ 15–25 นาที สำหรับขนมชิ้นเล็ก
    • ประมาณ 25–35 นาที สำหรับโลฟใหญ่
    • ควรเช็กความสุกโดยดูสีที่ผิว และอุณหภูมิภายในขนมปัง (ประมาณ 88–93°C)
  3. พักให้เย็น (Cooling)
    • เมื่ออบเสร็จแล้ว ให้นำออกมาวางพักบนตะแกรงเพื่อให้ระบายความร้อน
    • อย่าเพิ่งหั่นหรือฉีกขนมปังในขณะที่ยังร้อนจัด เพราะจะทำให้เนื้อในยุบตัวและสูญเสียความชื้น

เคล็ดลับ (Tips & Tricks) จาก KNOWHOWBAKE

เลือกวัตถุดิบคุณภาพดี

  • เพราะบริยอชอาศัยไข่และเนยเป็นหลัก หากใช้วัตถุดิบคุณภาพต่ำ กลิ่นและรสชาติจะต่างกันชัดเจน

ใจเย็นและให้เวลากับขั้นตอนการพักแป้ง

  • ยิ่งปล่อยให้แป้งได้หมักข้ามคืนในตู้เย็น รสชาติจะยิ่งเข้มข้นเนียนละมุน

ควบคุมอุณหภูมิขณะนวด

  • ถ้าแป้งเริ่มอุ่นเกินไป ให้พักเครื่องหรือแช่โถผสมในอ่างน้ำแข็งเล็กน้อย เพื่อรักษาเนยไม่ให้ละลายหมด

Egg Wash สองรอบเพื่อสีสันที่สวย

  • ถ้าต้องการผิวขนมปังเหลืองทองใสเงา ควรทาไข่บาง ๆ รอบแรก ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วทาซ้ำอีกรอบ

หลีกเลี่ยงการเปิดเตาอบบ่อยๆ

  • ความร้อนที่แกว่งไปมาอาจทำให้ขนมปังสุกไม่สม่ำเสมอ

เมนูแนะนำจากบริยอช

French Toast Brioche

  • ใช้ขนมปังบริยอชหั่นหนา แช่ในส่วนผสมไข่ นม และวานิลลา แล้วนำไปทอดบนกระทะจนได้สีเหลืองทอง เสิร์ฟกับเนย น้ำผึ้ง หรือผลไม้สด

Brioche Burger Bun

  • นำบริยอชไปขึ้นรูปเป็นก้อนกลมขนาดเบอร์เกอร์ ขนมปังที่หอมมันจะเข้ากับเนื้อสัตว์หรือแพตตี้ผักได้ดี

Chocolate Chip Brioche

  • ผสมช็อกโกแลตชิพลงในแป้ง ก่อนขึ้นรูปและอบ จะได้ขนมปังสไตล์หวานอ่อน ๆ พร้อมรสช็อกโกแลตเป็นเม็ด ๆ

Brioche with Jam & Butter

  • ทานบริยอชอุ่น ๆ กับแยมผลไม้และเนยสด เป็นเมนูคลาสสิกที่อร่อยและง่ายที่สุด

Brioche Bread Pudding

  • นำบริยอชที่อบไว้แล้วมาหั่นเป็นชิ้น แล้วผสมนม ไข่ น้ำตาล ปรุงเป็นขนมปังพุดดิ้ง อบจนกลายเป็นของหวานหอมกรุ่น

ทำไมต้องเรียนทำขนมปังกับ KNOWHOWBAKE

การทำขนมปังระดับพรีเมียมอย่างบริยอช อาจดูมีขั้นตอนที่ซับซ้อน แต่ถ้าคุณมีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำและสอนเทคนิคอย่างถูกวิธี การทำบริยอชก็จะไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป ที่ KNOWHOWBAKE เรามีคอร์สเบเกอรี่หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น คอร์สระยะสั้น ที่ใช้เวลา 1 วัน ไปจนถึง คอร์สประกาศนียบัตรระยะยาว สำหรับผู้ที่ต้องการยกระดับฝีมืออย่างจริงจัง

  • สอนอย่างเป็นกันเอง: บรรยากาศการเรียนสนุกและเข้าถึงได้ ช่วยให้ผู้เรียนกล้าถามข้อสงสัยได้ตลอด
  • อุปกรณ์และวัตถุดิบครบครัน: ไม่ต้องหาซื้ออุปกรณ์เสริมเอง เราเตรียมทุกอย่างไว้ให้
  • ผู้สอนมีประสบการณ์: ได้เรียนรู้เทคนิคเชิงลึก และเคล็ดลับที่ปรับใช้ในงานจริงได้
  • เนื้อหาทันสมัย: เราอัปเดตสูตรและเทคนิคใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถทำเมนูตามเทรนด์ได้

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

ขนมปังบริยอชใช้เวลาทำนานเท่าไร?

โดยรวมอาจใช้เวลาราว 1–2 วัน เนื่องจากต้องมีการพักแป้งหลายรอบ โดยเฉพาะการพักในตู้เย็นข้ามคืนเพื่อพัฒนารสชาติและทำให้ขึ้นรูปง่ายขึ้น

ถ้าไม่มีเครื่องผสมแป้งแบบตั้งโต๊ะ (Stand Mixer) สามารถทำบริยอชได้ไหม?

สามารถทำได้ แต่ต้องใช้แรงในการนวดค่อนข้างมาก เนื่องจากเนยและไข่ในปริมาณสูงทำให้แป้งเหนียว และต้องนวดจนกว่ากลูเตนจะพัฒนาเต็มที่

ควรใช้อุณหภูมิเท่าไรในการอบบริยอช?

ปกติจะอยู่ราว 170–190°C ขึ้นอยู่กับขนาดของขนมปังและประเภทของเตาอบ แต่ควรอุ่นเตาก่อนเสมอ และใช้เทอร์โมมิเตอร์ในการเช็กอุณหภูมิภายในเตาอบถ้าจำเป็น

ทำไมต้องพักแป้งในตู้เย็นข้ามคืน?

การพักแป้งในตู้เย็นช่วยให้เนยในแป้งเซ็ตตัว ทำให้ขึ้นรูปง่าย และยีสต์มีเวลาพัฒนากลิ่นรสในแป้ง เกิดความหอมและรสชาติที่ซับซ้อนมากขึ้น

บริยอชไม่ฟูเท่าที่ควร มีสาเหตุจากอะไร?

1. ยีสต์อาจเสื่อมคุณภาพหรือปริมาณไม่เพียงพอ
2. อุณหภูมิระหว่างพักแป้งไม่เหมาะสม (หนาวหรือร้อนเกินไป)
3. นวดแป้งไม่พอ หรือเกินจนทำให้โครงสร้างแป้งเสียหาย
4. เนยละลายหมดระหว่างนวด ทำให้โครงสร้างแป้งไม่แข็งแรง

เก็บรักษาขนมปังบริยอชอย่างไรให้นานที่สุด?

หากอบเสร็จและทานไม่หมด ควรปล่อยให้เย็นสนิทก่อนเก็บใส่ถุงหรือภาชนะที่ปิดสนิท
สามารถเก็บในอุณหภูมิห้องได้ 2–3 วัน หรือแช่ตู้เย็นประมาณ 5–7 วัน
หากต้องการเก็บนานกว่านั้น สามารถหั่นเป็นชิ้นแล้วแช่แข็ง เมื่อต้องการทานให้นำออกมาวางละลายแล้วอุ่นใหม่ในเตาอบหรือนึ่ง

การทำขนมปังบริยอช ใช้เนยเค็มแทนเนยจืดได้ไหม?

สามารถใช้ได้ แต่ต้องลดหรือปรับปริมาณเกลือในสูตรลง เนื่องจากเนยเค็มมีปริมาณเกลือที่ไม่เท่ากัน ควรอ่านฉลากเนยให้รอบคอบ

สรุปท้ายบทความ

ขนมปังบริยอช (Brioche) เป็นหนึ่งในขนมปังที่โดดเด่นและหรูหราที่สุด ด้วยสัดส่วนไข่และเนยที่สูง ทำให้มีรสชาติหอมมันและเนื้อนุ่มฉ่ำเป็นเอกลักษณ์ ในการทำให้ประสบความสำเร็จ คุณต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพของวัตถุดิบ เทคนิคการนวด รวมถึงการพักแป้งหลายขั้นตอน ซึ่งอาจใช้เวลานานกว่าขนมปังทั่วไป แต่ผลที่ได้คือขนมปังระดับพรีเมียมที่คุ้มค่าเหลือเกิน

หากคุณสนใจอยากลองทำขนมปังบริยอช KNOWHOWBAKE ขอแนะนำให้คุณเริ่มจากการศึกษาสูตรและวางแผนการเตรียมวัตถุดิบอย่างละเอียด หรือถ้ายังรู้สึกไม่มั่นใจในเทคนิคบางจุด สามารถสมัครเข้าเรียนคอร์สเฉพาะทางกับเราได้ ไม่ว่าจะเป็นคอร์ส 1 วันเพื่อเริ่มต้นสัมผัสการทำบริยอช หรือคอร์สประกาศนียบัตรระยะยาวสำหรับผู้ที่อยากเป็นมืออาชีพ

อย่าลืม ว่ากุญแจสำคัญของการทำขนมปังทุกชนิด โดยเฉพาะบริยอช คือ ความพิถีพิถัน ความรักในการทำขนม และความใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ หากคุณมี 3 อย่างนี้ รับรองว่าการทำขนมปังบริยอชของคุณจะออกมานุ่มฟู หอมมัน จนทำให้ทุกคนต้องประทับใจอย่างแน่นอน

https://knowhowbake.in.th