รู้จัก “เค้กสปันจ์” (Sponge Cake) ให้รอบด้าน

Sponge Cake

เลือกอ่านบางหัวข้อ

เค้กสปันจ์ (Sponge Cake) เป็นเค้กชนิดหนึ่งที่ขึ้นชื่อในเรื่องเนื้อสัมผัสเบาบาง ฟู นุ่ม และมีรูพรุนภายในเนื้อเค้กซึ่งเกิดจากการตีอากาศเข้าไปในส่วนผสมอย่างพิถีพิถัน เค้กชนิดนี้เป็นเหมือนผ้าสำลีแห่งวงการขนมอบ เพราะมัน “ฟู” ตามชื่อเรียก เนื้อเค้กเบาดั่งสปันจ์ (ฟองน้ำ) ตามชื่อภาษาอังกฤษ หากเปรียบเทียบกับเค้กเนย (Butter Cake) ที่เนื้อแน่นกว่า เค้กสปันจ์มักถูกนำมาสร้างสรรค์เป็นขนมเบเกอรี่ต่าง ๆ ตั้งแต่เค้กม้วน (Swiss Roll) เค้กสตรอว์เบอร์รี่ช็อตเค้ก ไปจนถึงเค้กวันเกิดรูปแบบประณีต

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักเค้กสปันจ์อย่างรอบด้าน ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ ส่วนผสม เทคนิคการทำ ไปจนถึงการปรับเปลี่ยนรสชาติ ตกแต่ง และเคล็ดลับการเก็บรักษา รวมไปถึงคำถามที่พบบ่อย หากคุณเป็นมือใหม่ที่อยากลองทำ หรือมืออาชีพที่ต้องการเพิ่มพูนความรู้ บทความนี้จะเป็นแหล่งข้อมูลที่ครอบคลุมสำหรับคุณ

ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเค้กสปันจ์ (Sponge Cake)

เค้กสปันจ์มีประวัติยาวนานนับศตวรรษ ต้นกำเนิดของมันสามารถสืบย้อนกลับไปได้ถึงยุโรปในช่วงศตวรรษที่ 17 ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำขนมหวานชาวยุโรปได้พยายามคิดค้นเค้กที่ขึ้นฟูจากการตีไข่ เพื่อสร้างเนื้อเค้กที่เบาบางและนุ่มนวล เมื่อเวลาผ่านไป สูตรเค้กสปันจ์ได้แพร่หลายไปทั่วโลก มีการดัดแปลงและปรับปรุงส่วนผสมตามวัตถุดิบที่มีในแต่ละภูมิภาค เช่น ในเอเชียตะวันออก โดยเฉพาะญี่ปุ่น เกาหลี และไต้หวัน ได้ปรับปรุงสูตรเค้กสปันจ์ให้มีความนุ่มละมุนมากยิ่งขึ้น จนกลายเป็นเค้กฟูเบา ละมุนลิ้น และมีรสชาติที่ประทับใจนักชิมทั่วโลก

องค์ประกอบหลักของเค้กสปันจ์ (Sponge Cake)

ไข่
ไข่เป็นหัวใจสำคัญของเค้กสปันจ์ โดยเฉพาะไข่ขาวที่เมื่อตีให้ขึ้นฟูและจับตัวกับอากาศจะสร้างโครงสร้างฟองอากาศภายในเนื้อเค้ก หากไข่มีความสดใหม่ย่อมทำให้เค้กมีความเบาและฟูดีขึ้น ไข่แดงเองก็ช่วยเพิ่มความนุ่ม ความชุ่มชื้น และรสชาติให้ตัวเค้กอีกด้วย

น้ำตาล
น้ำตาลทำหน้าที่ไม่เพียงแค่ให้ความหวาน แต่ยังช่วยให้ไข่ตีขึ้นฟูได้ง่าย และรักษาโครงสร้างฟองอากาศภายในเค้ก นอกจากนี้น้ำตาลยังช่วยกักเก็บความชื้น ทำให้เค้กไม่แห้งจนเกินไป

แป้งเค้ก
แป้งเค้ก (Cake Flour) มีโปรตีนต่ำกว่าแป้งอเนกประสงค์ ทำให้ได้เนื้อเค้กที่ละเอียดและนุ่ม การใช้แป้งเค้กยังช่วยหลีกเลี่ยงการสร้างกลูเต็นมากเกินไป ซึ่งจะทำให้เค้กแข็งกระด้าง

เนยและน้ำมัน
แม้ว่าสูตรเค้กสปันจ์บางสูตรอาจไม่มีเนยหรือน้ำมัน แต่การเติมไขมันเพียงเล็กน้อยช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความนุ่มนวลของเค้ก หากเลือกใช้น้ำมันพืชแทนเนย จะให้เค้กมีความชุ่มชื้นมากเป็นพิเศษ และยังสะดวกในการผสมให้เข้ากันได้ง่ายขึ้น

ลักษณะเด่นของเค้กสปันจ์ (Sponge Cake)

  • เนื้อฟูเบา: จุดเด่นสำคัญของเค้กสปันจ์คือเนื้อฟูเบา มีรูพรุนเล็ก ๆ ที่เกิดจากการตีส่วนผสมจนฟู
  • รสชาติอ่อนละมุน: ส่วนใหญ่เค้กสปันจ์มีรสชาติค่อนข้างเบา ไม่หวานจัดจนเกินไป เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบความละมุน
  • ความยืดหยุ่น: เค้กสปันจ์สามารถนำไปประยุกต์เป็นขนมอบหลากหลายชนิด เติมแต่งรสและส่วนผสมได้หลากหลาย
  • ความอเนกประสงค์: เพราะเนื้อเค้กที่เบา จึงเหมาะกับการใช้เป็นฐานของเค้กสไตล์ต่าง ๆ โดยไม่กลบกลิ่นรสอื่น

ความแตกต่างระหว่างเค้กสปันจ์และเค้กชนิดอื่น

หากเปรียบเทียบกับเค้กเนย (Butter Cake) จะพบว่าเค้กสปันจ์มีไขมันน้อยกว่า และการฟูเกิดจากอากาศที่แทรกในเนื้อเค้กมากกว่าการขึ้นฟูด้วยผงฟูหรือสารช่วยขึ้นฟูอื่น ๆ ในขณะที่เค้กชิฟฟ่อน (Chiffon Cake) มีความเบาคล้ายกันแต่จะใช้น้ำมันพืชและผงฟูในการช่วยเพิ่มความเบา และส่วนใหญ่เนื้อจะนุ่มกว่าเค้กสปันจ์เล็กน้อย


อุปกรณ์และเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับทำเค้กสปันจ์

  • ตะกร้อตีไข่หรือเครื่องตีไฟฟ้า: เพื่อช่วยให้ไข่และน้ำตาลตีขึ้นฟูเร็วและง่าย
  • พิมพ์เค้กขนาดเหมาะสม: ควรใช้พิมพ์ที่ด้านในเรียบและไม่ติดขนม
  • กระดาษรองอบ: เพื่อให้เค้กไม่ติดพิมพ์และถอดออกได้ง่าย
  • เตาอบควบคุมอุณหภูมิได้: อุณหภูมิเป็นปัจจัยสำคัญในการให้เค้กขึ้นฟูสวยงาม
  • ช้อนตวง ถ้วยตวง ตาชั่ง: เพื่อให้สัดส่วนส่วนผสมแม่นยำ

เทคนิคการทำเค้กสปันจ์ให้นุ่มฟู

การตีไข่ขาวและไข่แดงให้ขึ้นฟู:
เคล็ดลับแรกคือการแยกไข่ขาวและไข่แดงแล้วตีให้ขึ้นฟูทีละส่วน ตีไข่ขาวพร้อมน้ำตาลบางส่วนจนตั้งยอดแข็ง จากนั้นจึงตีไข่แดงกับน้ำตาลส่วนที่เหลือให้เข้ากันจนขึ้นฟู การทำเช่นนี้จะช่วยให้โครงสร้างเค้กมีความแข็งแรงและฟูเบา

การผสมส่วนผสมแบบพับตะล่อม (Folding):
เมื่อส่วนผสมไข่ขาวขึ้นฟูได้ที่แล้ว ให้ค่อย ๆ พับส่วนผสมแห้ง (แป้ง) และไข่แดงที่ตีเตรียมไว้ลงไปอย่างเบามือ การพับตะล่อมทำให้อากาศที่แทรกในไข่ขาวไม่สลายไป ส่งผลให้เนื้อเค้กฟูสวย ไม่ยุบตัว

อุณหภูมิและเวลาการอบ:
อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับเค้กสปันจ์มักอยู่ที่ประมาณ 160-180 องศาเซลเซียส การอบนานเกินไปหรืออุณหภูมิสูงเกินไปอาจทำให้เค้กแห้งและแข็ง ควรเช็คสุกด้วยไม้จิ้มฟัน หากไม่มีเศษเค้กติดออกมาแสดงว่าเค้กสุกกำลังดี


ขั้นตอนการทำเค้กสปันจ์ทีละขั้นตอน (พร้อมสูตรตัวอย่าง)

สูตรเค้กสปันจ์วานิลลาแบบง่าย (สำหรับพิมพ์ขนาด 20 ซม.)

  • ไข่ไก่ขนาดใหญ่ 5 ฟอง (แยกไข่ขาวไข่แดง)
  • น้ำตาลทราย 120 กรัม (แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนละ 60 กรัม)
  • แป้งเค้ก 100 กรัม
  • นมสด 30 มล.
  • น้ำมันพืช 30 มล. (หรือละลายเนยจืด 30 กรัม)
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  • เกลือหยิบมือ

ขั้นตอนการทำ

  1. เตรียมพิมพ์และวอร์มเตาอบ:
    • วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส
    • ทาเนยหรือสเปรย์น้ำมันบาง ๆ ลงในพิมพ์เค้ก ปูด้วยกระดาษรองอบเพื่อป้องกันเค้กติดพิมพ์
  2. ตีไข่ขาว:
    • ใส่ไข่ขาวลงในอ่างผสมที่แห้งและสะอาด
    • ตีด้วยความเร็วสูงจนไข่ขาวเริ่มเป็นฟองหยาบ ค่อย ๆ ใส่น้ำตาลส่วนแรก (60 กรัม) ทีละน้อย ตีจนตั้งยอดแข็ง
  3. ตีไข่แดงกับน้ำตาล:
    • ในอ่างผสมอีกใบ ตีไข่แดงกับน้ำตาลอีกส่วน (60 กรัม) จนสีอ่อนลงและขึ้นฟูเล็กน้อย
    • ใส่นมสด น้ำมันพืช กลิ่นวานิลลา และเกลือลงไป ตีจนเข้ากัน
  4. ร่อนแป้งเค้ก:
    • ร่อนแป้งเค้กลงในอ่างไข่แดงที่ตีไว้ ค่อย ๆ คนให้เข้ากัน
  5. ผสมไข่ขาวที่ตีฟูกับส่วนผสมไข่แดง:
    • ตักไข่ขาวที่ตีฟูประมาณ 1 ใน 3 ส่วนลงไปในอ่างไข่แดง พับตะล่อมเบา ๆ ให้เข้ากัน จากนั้นใส่ไข่ขาวที่เหลือลงไป พับตะล่อมจนเข้ากันดี ระวังอย่าคนแรงเพราะจะทำให้อากาศที่ตีไว้เสียไป
  6. เทใส่พิมพ์และอบ:
    • เทส่วนผสมลงในพิมพ์เค้ก เคาะพิมพ์เบา ๆ เพื่อไล่ฟองอากาศใหญ่
    • นำเข้าอบประมาณ 30-35 นาที หรือจนเค้กสุก เช็คสุกด้วยไม้จิ้มฟัน
  7. พักให้เย็น:
    • นำเค้กออกจากเตาอบ คว่ำพิมพ์ลงบนตะแกรงให้เค้กไม่ยุบตัว ปล่อยให้เย็นสนิทก่อนแกะออกจากพิมพ์

การปรับเปลี่ยนและสร้างสรรค์รสชาติใหม่ ๆ

เค้กสปันจ์ชาเขียว
เติมผงชาเขียวคุณภาพดีลงในแป้งเค้กหรือผสมกับนม จะได้เค้กสปันจ์ที่มีกลิ่นหอมจากชาเขียวและสีเขียวอ่อนสวยงาม เข้ากันได้ดีกับครีมถั่วแดงกวนหรือถั่วขาวหวาน

เค้กสปันจ์ช็อกโกแลต
เติมผงโกโก้คุณภาพดีลงในแป้งที่ร่อนไว้ และเพิ่มน้ำตาลเล็กน้อย ให้คุณได้เค้กสปันจ์ช็อกโกแลตเนื้อนุ่มที่เข้ากันได้ดีกับกานาชช็อกโกแลตหรือครีมสดเบา ๆ

[H3] เค้กสปันจ์ผลไม้และเบอร์รี่:
เพิ่มเนื้อผลไม้สดหรือผลไม้แห้งลงในเนื้อเค้ก หรือใช้ครีมสดตกแต่งหน้าเค้กแล้วโรยด้วยเบอร์รี่สด เช่น สตรอว์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ หรือราสเบอร์รี่ จะเพิ่มความสดชื่นและรสเปรี้ยวหวานลงไป

การตกแต่งเค้กสปันจ์ให้น่าทาน

การใช้ครีมสด วิปครีม บัตเตอร์ครีม:
เนื้อเค้กสปันจ์ที่เบาเหมาะกับครีมที่มีความเบาเช่นกัน เช่น วิปครีมสดหรือครีมสดหวานน้อย ๆ หากคุณชอบความเข้มข้น บัตเตอร์ครีมก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่นิยมใช้ในการตกแต่งหน้าเค้ก เพิ่มสัมผัสเนียนและรสชาติกลมกล่อม

ฟรอสติ้งและกลิ่นรสอื่น ๆ:
นอกจากครีมทั่วไปแล้ว คุณสามารถเติมแต่งด้วยฟรอสติ้งหลากสี ราดกานาชช็อกโกแลต สอดไส้แยมผลไม้หรือคัสตาร์ด เพื่อเพิ่มชั้นรสและเนื้อสัมผัส ทำให้เค้กสปันจ์กลายเป็นผลงานศิลปะสำหรับงานเลี้ยงฉลองหรือโอกาสพิเศษ


เคล็ดลับการเก็บรักษาเค้กสปันจ์

  • เก็บในภาชนะปิดสนิท: หากยังไม่ตัดเค้กเป็นชิ้น ควรเก็บทั้งปอนด์ใส่กล่องเค้กหรือภาชนะที่มีฝาปิดสนิท
  • แช่ตู้เย็นเพื่อยืดอายุ: เค้กที่ตกแต่งด้วยครีมควรเก็บในตู้เย็น และรับประทานภายใน 2-3 วัน เพื่อความสดใหม่และรสชาติที่ดีที่สุด
  • นำออกมาคืนตัว: ก่อนรับประทานเค้กสปันจ์ที่แช่เย็น ควรนำออกมาพักในอุณหภูมิห้องสักครู่เพื่อให้เค้กคืนความนุ่มละมุน

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

ทำไมเค้กสปันจ์ที่อบออกมาจึงยุบตัว?

การยุบตัวมักเกิดจากการตีไข่ขาวหรือผสมส่วนผสมแรงเกินไป ทำให้อากาศในเนื้อเค้กสลาย นอกจากนี้การเปิดเตาอบระหว่างอบก่อนเค้กเซ็ตตัวสมบูรณ์ก็ทำให้เค้กยุบได้

ถ้าไม่มีแป้งเค้กสามารถใช้แป้งอเนกประสงค์แทนได้หรือไม่?

ได้ แต่ควรผสมแป้งอเนกประสงค์กับแป้งข้าวโพดเล็กน้อย (เช่น 100 กรัมแป้งอเนกประสงค์ผสมกับแป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ) เพื่อปรับลดระดับโปรตีนในแป้งและให้เนื้อเค้กนุ่มขึ้น

ทำไมเวลาตีไข่ขาวไม่ขึ้นฟูตามที่ควร?

ไข่ขาวจะขึ้นฟูได้ดีเมื่อภาชนะและตะกร้อที่ใช้ตีสะอาด ปราศจากไขมัน หลีกเลี่ยงไข่ขาวปนไข่แดง นอกจากนี้ควรใช้ไข่ที่อุณหภูมิห้องและค่อย ๆ ใส่น้ำตาลทีละน้อย

สามารถลดน้ำตาลในสูตรได้หรือไม่?

ลดได้ แต่ควรระวังเพราะน้ำตาลช่วยให้ไข่ขาวและไข่แดงขึ้นฟู และรักษาความชุ่มชื้นในเนื้อเค้ก หากลดมากไปเค้กอาจไม่ฟูและแห้ง

ต้องใช้เครื่องตีไฟฟ้าหรือไม่?

เครื่องตีไฟฟ้าช่วยประหยัดเวลาและแรง แต่หากไม่มี สามารถใช้ตะกร้อตีไข่แบบมือได้ เพียงแต่ต้องใช้เวลานานขึ้นและใช้แรงมากกว่า

เค้กสปันจ์เป็นหนึ่งในเค้กพื้นฐานที่คนรักเบเกอรี่ควรทำความรู้จัก มันไม่เพียงเป็นเค้กเนื้อนุ่มฟูที่มีรสชาติอ่อนละมุน แต่ยังสามารถนำไปปรับใช้ให้หลากหลาย ทั้งรสชาติและหน้าตาตามความคิดสร้างสรรค์ของผู้ทำ การเรียนรู้เทคนิคการตีไข่ การพับส่วนผสม และการอบอย่างถูกวิธี คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้ได้เค้กสปันจ์ที่สมบูรณ์แบบ

เมื่อคุณเข้าใจและคุ้นเคยกับขั้นตอนการทำแล้ว คุณจะสามารถทำเค้กสปันจ์ได้ง่ายขึ้น และพร้อมจะก้าวไปสู่การสร้างสรรค์เมนูเค้กใหม่ ๆ ตามสไตล์ของคุณเอง ไม่ว่าจะเป็นเค้กสปันจ์รสวานิลลาละมุน เค้กสปันจ์รสผลไม้สดชื่น หรือเค้กสปันจ์ชาเขียวหอมกลิ่นชา เพียงคุณมีพื้นฐานที่แน่นหนา คุณก็สามารถรังสรรค์เค้กสปันจ์ที่โดดเด่นและน่าประทับใจได้เสมอ

ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นทำเค้ก หรือเชฟขนมอบที่มีประสบการณ์ เค้กสปันจ์คือหนึ่งในเค้กที่คุณควรลองทำและพัฒนาฝีมือให้เชี่ยวชาญ เพราะมันคือรากฐานของศาสตร์เบเกอรี่อีกมากมายที่กำลังรอให้คุณค้นพบและสร้างสรรค์ต่อไปในอนาคต

https://knowhowbake.in.th