อยากเรียนทําเบเกอรี่ ต้องเรียนคณะอะไร?

คำถามยอดฮิตที่น้องๆที่กำลังศึกษาและสนใจทำขนมมักจะได้ยินบ่อยๆ คือ “อยากเรียนทําเบเกอรี่ ต้องเรียนคณะอะไร” ซึ่งคำตอบนั้นขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความถนัดของตัวคุณเอง ปัจจุบันมีหลากหลายเส้นทางให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นการเรียนในระดับมหาวิทยาลัยในสาขาเกี่ยวข้องกับอาหารและโภชนาการ หรือการเรียนแบบวิชาชีพในโรงเรียนหรือสถาบันเฉพาะทาง ซึ่งมีหลักสูตรทั้งระยะสั้นและระยะยาวให้เลือกตามความต้องการ

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับคณะและสาขาต่างๆ ที่สามารถต่อยอดสู่การเป็นเชฟเบเกอรี่ หรือ โอกาศสำหรับทำธุรกิจในอนาคต ทั้งยังจะแนะนำคอร์สหลากหลายรูปแบบจาก KNOWHOWBAKE ไม่ว่าจะเป็นคอร์ส 1 วัน คอร์สระยะสั้น หรือแม้แต่คอร์สประกาศนียบัตรระยะยาว เหมาะสำหรับผู้ที่อยากพัฒนาตัวเองอย่างจริงจัง พร้อมตอบโจทย์ทุกความฝันและเป้าหมายในโลกของขนมอบ

คณะและสาขาที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับเบเกอรี่

แม้ว่าหลายคนอาจมองว่าการทำเบเกอรี่เป็นเพียงทักษะวิชาชีพ (Vocational) แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยังมีคณะและสาขาในระดับมหาวิทยาลัยที่เกี่ยวข้องกับการปรุงอาหารและการทำขนมอบอยู่มากมาย ต่อไปนี้คือตัวอย่างหลักๆ ที่หลายคนให้ความสนใจ

สาขาวิชาคหกรรมศาสตร์ (Home Economics)

คณะคหกรรมศาสตร์ มุ่งเน้นไปที่การเรียนการสอนด้านการงานครัว การจัดการบ้าน การดูแลครอบครัว และการสร้างสรรค์อาหารประเภทต่างๆ ซึ่งรวมถึงเบเกอรี่ด้วย ในสาขานี้ นอกจากจะได้เรียนเกี่ยวกับเทคนิคการทำขนม การใช้วัสดุอุปกรณ์ การพัฒนาสูตรและการแต่งหน้าขนมแล้ว ยังได้ศึกษาเรื่องการบริหารจัดการต้นทุน การตลาด และโภชนาการด้วย

  • ข้อดี: ได้เรียนแบบครอบคลุมตั้งแต่พื้นฐานจนถึงการประยุกต์ใช้ ทำให้จบออกมาแล้วมีพื้นความรู้ด้านการบริหารจัดการและโภชนาการ
  • ข้อเสีย: อาจไม่ได้เจาะลึกเรื่องขนมอบมากเท่ากับสถาบันเฉพาะทาง หรือคณะสายบริหารจัดการครัวโดยตรง

คณะการจัดการครัวและศิลปะการประกอบอาหาร (Culinary Arts)

อีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างมากคือ คณะการจัดการครัวและศิลปะการประกอบอาหาร ซึ่งในบางมหาวิทยาลัยอาจเรียกต่างออกไป เช่น การจัดการครัวเรือนและศิลปะการปรุงอาหาร หรือ Culinary Arts and Kitchen Management เป็นต้น สาขานี้จะมุ่งเน้นที่การทำอาหารในภาพรวม ทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน รวมถึงการเรียนพื้นฐานของเบเกอรี่

  • ข้อดี: ได้เรียนรู้เทคนิคการประกอบอาหารทุกแขนง ทั้งคาวและหวาน มีความเข้าใจในหลักการบริหารจัดการครัวแบบองค์รวม ซึ่งเป็นประโยชน์หากคุณต้องการเปิดธุรกิจร้านอาหารที่มีเบเกอรี่ร่วมด้วย
  • ข้อเสีย: หากเน้นไปทางอาหารคาวมากกว่า อาจไม่ได้ลงลึกด้านเบเกอรี่อย่างเต็มที่ จึงอาจต้องต่อยอดด้วยคอร์สหรือประสบการณ์เพิ่มเติม

คณะวิทยาศาสตร์การอาหารและโภชนาการ (Food Science and Nutrition)

วิทยาศาสตร์การอาหาร เป็นสาขาที่ศึกษาเกี่ยวกับอาหารในระดับลึก ครอบคลุมเนื้อหาเกี่ยวกับเคมี ชีววิทยา จุลชีววิทยา การวิเคราะห์อาหาร และเทคโนโลยีการผลิตอาหาร ในมุมของคนที่อยากเป็นเชฟเบเกอรี่ สาขาวิชานี้จะได้เรียนหลักวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังการทำขนม เช่น ปฏิกิริยาเคมีระหว่างน้ำตาล เนย และไข่ หรือการทำงานของยีสต์ในขนมปัง

  • ข้อดี: เข้าใจกลไกและปัจจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ทำให้ขนมออกมาสมบูรณ์ มีพื้นฐานการวิจัยและพัฒนาสูตรที่สามารถต่อยอดได้มาก
  • ข้อเสีย: เป็นสาขาที่เน้นด้านวิทยาศาสตร์ค่อนข้างมาก ไม่ได้เน้นภาคปฏิบัติในการปรุงหรือการตกแต่งขนมเท่ากับสาขาอื่น

สถาบัน/วิทยาลัยสอนทำอาหารโดยเฉพาะ

นอกเหนือจากมหาวิทยาลัยแบบทางการ ยังมีสถาบันหรือวิทยาลัยสอนทำอาหารโดยเฉพาะ เช่น โรงเรียนสอนทำเบเกอรี่และขนมอบ KNOWHOWBAKE : The School of Baking and Pastry หรือโรงเรียนสอนทำอาหารอื่นๆ ที่มีหลักสูตร Certificate หรือ Diploma ระยะสั้น-ยาวให้เลือก หลักสูตรประเภทนี้มักเน้นการปฏิบัติจริง (Hands-on) และเทคนิคเฉพาะทางที่จำเป็นสำหรับการเป็นเชฟเบเกอรี่มืออาชีพ

  • ข้อดี: เน้นภาคปฏิบัติสูง ได้ฝึกเทคนิคจริงจากเชฟผู้ชำนาญการ เรียนเฉพาะทางด้านเบเกอรี่หรือขนมหวานได้อย่างเข้มข้น
  • ข้อเสีย: ค่าเล่าเรียนอาจสูงกว่าการเรียนในมหาวิทยาลัย ปริญญาที่ได้รับอาจเป็นประกาศนียบัตรหรืออนุปริญญา ไม่ใช่ปริญญาบัตรในระดับมหาวิทยาลัย

การเตรียมตัวก่อนเลือกเรียนเบเกอรี่

ก่อนที่จะตอบคำถามว่า “อยากเรียนทําเบเกอรี่ ต้องเรียนคณะอะไร” เราควรเข้าใจตัวเองและลักษณะของงานที่จะทำในอนาคต ดังนี้

ก่อนที่จะตอบคำถามว่า “อยากเรียนทําเบเกอรี่ ต้องเรียนคณะอะไร” เราควรเข้าใจตัวเองและลักษณะของงานที่จะทำในอนาคต ดังนี้

  1. สำรวจความสนใจและเป้าหมาย
    • คุณชอบทำขนมอบจริงๆ หรือเปล่า
    • ตั้งใจจะเป็นเชฟมืออาชีพ หรือทำเป็นงานอดิเรก
    • สนใจเปิดร้านเองหรือทำงานในโรงแรม รีสอร์ต หรือร้านอาหารดังๆ
  2. ประเมินทักษะพื้นฐาน
    • ทักษะด้านการปรุงอาหารระดับเบื้องต้น
    • ความคิดสร้างสรรค์ในงานตกแต่งขนม
    • ความรู้ด้านคณิตศาสตร์และเคมีพื้นฐาน (เพราะการอบขนมมีการคำนวณสัดส่วนและการเกิดปฏิกิริยาทางเคมี)
  3. ศึกษาแนวทางการเรียนต่อ
    • เลือกค้นหาว่าคณะไหนหรือสาขาใดเปิดสอนเนื้อหาการอบขนมอย่างเจาะจง
    • พิจารณาความเข้มข้นของหลักสูตร เช่น หลักสูตร 4 ปี หรือการเรียนต่อในสถาบันวิชาชีพในระยะสั้น
  4. ทดลองเข้าร่วมคอร์สระยะสั้น
    • หากยังไม่แน่ใจว่าเบเกอรี่เป็นทางที่ใช่หรือไม่ สามารถทดลองลงคอร์สระยะสั้นหรือคอร์ส 1 วัน เพื่อลองปฏิบัติจริง
    • เช่น คอร์สทำขนมของ KNOWHOWBAKE ที่จะช่วยให้เข้าใจกระบวนการทำขนมเบื้องต้นก่อนตัดสินใจเรียนต่อ

การเตรียมตัวเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้ว่าควรเรียนต่อคณะหรือสาขาใด อีกทั้งยังช่วยให้มีความมั่นใจและความพร้อมก่อนเข้าศึกษาอย่างจริงจัง

แนวทางการทำงานหลังจบ

หลังจากจบการศึกษาในสาขาที่เกี่ยวข้องกับเบเกอรี่ คุณสามารถประกอบอาชีพได้หลากหลาย เช่น

  1. เชฟ/หัวหน้าพ่อครัวขนมอบ (Pastry Chef)
    • ทำงานในโรงแรม ร้านอาหาร ร้านเบเกอรี่ หรือเรือสำราญ
    • สร้างสรรค์เมนูและคอยปรับปรุงคุณภาพอาหารหวานหรือขนมอบ
  2. ผู้ประกอบการธุรกิจเบเกอรี่
    • เปิดร้านเบเกอรี่หรือคาเฟ่ของตนเอง
    • ขายเบเกอรี่ออนไลน์ หรือทำขนมตามออร์เดอร์เฉพาะกิจ
  3. นักวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D)
    • ทำงานในอุตสาหกรรมอาหาร เน้นด้านการคิดค้นสูตรใหม่ๆ
    • ประยุกต์ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณภาพสูง
  4. อาจารย์/เทรนเนอร์ด้านเบเกอรี่
    • สอนในโรงเรียน หรือศูนย์ฝึกอาชีพด้านอาหารและเบเกอรี่
    • เปิดคอร์สอบรมพิเศษหรือเป็นที่ปรึกษาด้านเบเกอรี่ให้กับธุรกิจต่างๆ
  5. ฟู้ดสไตลิสต์ (Food Stylist)
    • ทำงานเกี่ยวกับการจัดตกแต่งขนมและอาหารเพื่อถ่ายภาพหรือโฆษณา
    • ต้องมีทักษะด้านศิลปะและการจัดวางที่สวยงาม

อาชีพเหล่านี้ต้องการทักษะในการปรุงอาหารและการทำขนมอบซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญ นอกจากนี้ยังต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์และความรู้ด้านการตลาดหรือการจัดการเพื่อให้สามารถเติบโตในเส้นทางนี้ได้อย่างยั่งยืน

คอร์สระยะสั้น vs คอร์สระยะยาว

หลายคนอาจยังไม่แน่ใจว่า ควรเรียนในระดับปริญญาหรือไม่ หรือเลือกลงคอร์สระยะสั้นก่อนดี ซึ่งขึ้นอยู่กับเป้าหมายของแต่ละบุคคล

  1. คอร์สระยะสั้น
    • เหมาะสำหรับผู้ที่อยากลองทำขนมหรือฝึกทักษะเบื้องต้น
    • ใช้เวลาเรียนไม่มาก (ตั้งแต่ไม่กี่ชั่วโมงถึงสองสามสัปดาห์)
    • ค่าใช้จ่ายไม่สูงเท่าการเรียนเต็มหลักสูตร
    • เหมาะกับผู้ที่มีงานประจำ หรือยังไม่มั่นใจว่าชอบเบเกอรี่จริงๆ หรือเปล่า
  2. คอร์สระยะยาว/ปริญญาตรี
    • เหมาะกับผู้ที่ต้องการใบปริญญาหรือคุณวุฒิทางวิชาการ
    • ได้เรียนทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติอย่างละเอียด
    • ใช้เวลาเรียน 2-4 ปี (แล้วแต่หลักสูตร)
    • เหมาะกับผู้ที่ต้องการความรู้รอบด้านและโอกาสเติบโตในสายอาชีพอย่างครอบคลุม

ไม่ว่าจะเป็นคอร์สระยะสั้นหรือระยะยาว ทั้งสองรูปแบบต่างก็มีข้อดีและจุดเด่นที่แตกต่างกันไป การเลือกขึ้นอยู่กับความต้องการ ระยะเวลา และงบประมาณของตัวผู้เรียนเป็นหลัก

คอร์สเรียนทำขนมจาก KNOWHOWBAKE

เมื่อพูดถึงทางเลือกในการเรียน “เบเกอรี่” นอกจากเส้นทางมหาวิทยาลัยแล้ว “คอร์สสั้น” และ “คอร์สระยะยาว” จากสถาบันเฉพาะทางก็เป็นอีกตัวเลือกที่ได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะสถาบันที่มีการเรียนการสอนอย่างมืออาชีพ มีอุปกรณ์ครบครัน และมีเชฟผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำแบบใกล้ชิด

คอร์สทำขนม 1 วัน

สำหรับผู้ที่กำลังลังเลว่าตนเองจะชื่นชอบและพร้อมทุ่มเทกับสายเบเกอรี่จริงหรือไม่ หรือยังไม่มีเวลามากพอที่จะเข้าเรียนต่อเนื่องหลายสัปดาห์ การเริ่มต้นด้วย คอร์สทำขนม 1 วัน ของ KNOWHOWBAKE ถือเป็นทางเลือกที่ดี

จุดเด่นของคอร์ส

  • เรียนสั้น กระชับ: ใช้เวลาเพียง 1 วัน ก็ได้เรียนรู้พื้นฐานและเทคนิคเบื้องต้น
  • ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ: ผู้เรียนจะได้ทำความเข้าใจวัตถุดิบและขั้นตอน จากนั้นลงมือทำจริง
  • เป็นกันเอง: บรรยากาศการเรียนอบอุ่น สนุกสนาน และสามารถสอบถามได้ตลอด
  • อุปกรณ์พร้อม: ไม่ต้องจัดเตรียมเอง ทางสถาบันมีอุปกรณ์และวัตถุดิบครบถ้วน
  • ต่อยอดได้ทันที: หลังจบคอร์ส ผู้เรียนสามารถนำสูตรและเคล็ดลับไปฝึกฝนต่อ หรือลองประกอบอาชีพเสริมได้ทันที

คอร์สระยะยาว คอร์สประกาศนียบัตร จาก KNOWHOWBAKE

สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาเชิงลึกและต้องการใบประกาศนียบัตรเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับตนเองและลูกค้าในอนาคต KNOWHOWBAKE ยังมี คอร์สระยะยาว ที่สามารถเรียนต่อเนื่องเพื่อครอบคลุมเนื้อหาทุกด้านของการทำเบเกอรี่อย่างจริงจัง

รายละเอียดและจุดเด่น

  1. หลักสูตรครอบคลุมตั้งแต่พื้นฐานถึงระดับสูง
    • เรียนรู้ทุกเทคนิคสำคัญในการทำขนมอบ ทั้งเค้ก ขนมปัง พาย ทาร์ต และขนมหวานรูปแบบอื่นๆ
    • ทำความเข้าใจการคำนวณสูตร การเลือกวัตถุดิบคุณภาพ และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
  2. เรียนรู้เชิงบริหารจัดการร้าน
    • นอกจากทักษะการอบขนมแล้ว ผู้เรียนจะได้เรียนรู้การจัดการสต็อกวัตถุดิบ การควบคุมต้นทุน และการวางแผนเมนูเบเกอรี่สำหรับธุรกิจของตัวเอง
    • เสริมด้วยความรู้ด้านการตลาดเบื้องต้น เช่น การสร้างแบรนด์ร้านขนม และการบริหารช่องทางขายออนไลน์
  3. ออกแบบตารางเรียนที่ยืดหยุ่น
    • เหมาะกับผู้ที่ต้องทำงานประจำหรือมีภาระหน้าที่อื่นๆ เพราะสามารถปรับตารางการเรียนตามความสะดวกได้ (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของหลักสูตรแต่ละรุ่น)
  4. ได้รับประกาศนียบัตรรับรอง
    • เมื่อเรียนจบหลักสูตรระยะยาว ผู้เรียนจะได้รับประกาศนียบัตร (Certificate) จาก KNOWHOWBAKE เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันความรู้และทักษะ
    • ประกาศนียบัตรนี้ช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้า หรือนายจ้างในอนาคต รวมถึงเป็นพอร์ตโฟลิโอที่โดดเด่นสำหรับการประกอบอาชีพ

ด้วยหลักสูตรที่ครอบคลุม ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติแบบเข้มข้น คอร์สระยะยาวของ KNOWHOWBAKE จึงตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการยกระดับตัวเองสู่การเป็นเชฟเบเกอรี่หรือเจ้าของธุรกิจอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเพิ่งเริ่มต้นหรือมีประสบการณ์มาบ้างแล้ว

FAQs: อยากเรียนทําเบเกอรี่ ต้องเรียนคณะอะไร

หากไม่อยากเรียนในระดับปริญญา แต่สนใจทำขนมจริงจัง ควรทำอย่างไร?

คุณสามารถลงคอร์สระยะสั้นที่เน้นการปฏิบัติ เช่น คอร์สของ KNOWHOWBAKE หรือเรียนในสถาบันเฉพาะทางที่มีหลักสูตร Certificate/Diploma ทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อฝึกทักษะเชิงลึก

จำเป็นต้องเก่งวิทยาศาสตร์หรือคณิตศาสตร์ไหม ถ้าอยากเป็นเชฟเบเกอรี่?

วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ช่วยในเรื่องการคำนวณสัดส่วนของวัตถุดิบ รวมถึงเข้าใจปฏิกิริยาเคมีของส่วนผสมต่างๆ แต่หากไม่เก่งมากก็ไม่ใช่อุปสรรคใหญ่ เพราะสามารถฝึกและปรับปรุงทักษะได้เสมอ

การเรียนคหกรรมศาสตร์กับการเรียน Culinary Arts แตกต่างกันอย่างไร?

คหกรรมศาสตร์จะครอบคลุมภาพรวมของงานครัว การจัดการบ้าน และโภชนาการ ในขณะที่ Culinary Arts จะเน้นการทำอาหารและศิลปะการปรุงอาหารเป็นหลัก ซึ่งรวมถึงการทำขนมอบด้วย แต่เจาะลึกในขั้นตอนปฏิบัติมากกว่า

ถ้าสนใจเปิดร้านเบเกอรี่เอง ควรเรียนคณะไหนดีที่สุด?

แนะนำให้เรียนคณะหรือสาขาที่มีการสอนด้านการจัดการและบริหารธุรกิจร่วมด้วย เช่น คหกรรมศาสตร์, Culinary Arts หรือสาขาที่มีวิชาการตลาดและการจัดการครัว เพื่อให้มีพื้นฐานด้านธุรกิจและการบริหาร

มีอายุเยอะแล้ว ยังสามารถเรียนทำเบเกอรี่ได้ไหม?

ได้แน่นอน อายุไม่ใช่อุปสรรคในการเรียนรู้ ทั้งคอร์สระยะสั้นและสถาบันต่างๆ มักเปิดรับผู้เรียนทุกช่วงวัย ขอแค่มีใจรักและความตั้งใจจริง

คอร์สระยะยาวจาก KNOWHOWBAKE ต่างจากคอร์สอื่นอย่างไร?

KNOWHOWBAKE เน้นการเรียนรู้เชิงลึกและการปฏิบัติจริง พร้อมออกประกาศนียบัตรให้เมื่อเรียนจบ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและเป็นข้อได้เปรียบในการประกอบอาชีพ

https://knowhowbake.in.th

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *