สารเสริมคุณภาพขนมปัง (Bread Emulsifier) คืออะไร? ใช้อย่างไร?

สารเสริมคุณภาพขนมปัง (Bread Emulsifier) คืออะไร? ใช้อย่างไร?

ขนมปัง เป็นหนึ่งในอาหารหลักที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นขนมปังฝรั่งเศส (Baguette) ขนมปังโฮลวีต ขนมปังนมญี่ปุ่น หรือขนมปังหอมนุ่มอื่น ๆ ทว่าเบื้องหลังความนุ่มและเนื้อสัมผัสที่ยากจะต้านทาน มักจะมี “สารเสริมคุณภาพขนมปัง” (Bread Emulsifier) เข้ามามีบทบาทเสมอ ซึ่งสารเสริมตัวนี้อาจมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป เช่น Bread Improver, Dough Conditioner หรือ Emulsifier แต่ทั้งหมดล้วนมีหน้าที่สำคัญคือช่วยปรับปรุงคุณภาพเนื้อขนมปัง

สำหรับคนทำขนมปังมือใหม่ หรือแม้แต่มืออาชีพบางคนที่ต้องการผลงานที่ได้มาตรฐานสูง วันนี้ KNOWHOWBAKE โรงเรียนสอนทำเบเกอรี่ จะมาเจาะลึกถึงบทบาทและคุณสมบัติของสารเสริมชนิดนี้ พร้อมเคล็ดลับการใช้อย่างถูกต้อง เพื่อให้ผู้เรียนและผู้สนใจได้สร้างสรรค์เมนูขนมปังคุณภาพเยี่ยมในแบบของตนเอง

เลือกอ่านบางหัวข้อ

รู้จักสารเสริมคุณภาพขนมปัง (Bread Emulsifier) คืออะไร?

สารเสริมคุณภาพขนมปัง หรือเรียกรวม ๆ ว่า “Bread Improver” หรือ “Bread Emulsifier” คือส่วนผสมหรือสารที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยปรับปรุงลักษณะและคุณสมบัติของแป้งโดว์ (Dough) ระหว่างการนวด พักหมัก และการอบ ทำให้ขนมปังออกมามีคุณภาพดีขึ้นในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น:

  1. โครงสร้างแป้งโดว์ (Dough Structure)
    ช่วยให้กลูเตน (Gluten) ในแป้งมีความยืดหยุ่นและแข็งแรงขึ้น อุ้มแก๊สได้ดี ทำให้เนื้อขนมปังมีรูพรุนสวยงามและเนื้อนุ่มฟู
  2. เนื้อสัมผัส (Texture)
    ช่วยให้ขนมปังมีเนื้อสัมผัสนุ่ม เป็นเส้นใยบาง ๆ เคี้ยวเพลิน ไม่แข็งหรือแน่นเกินไป
  3. ความคงตัว (Stability)
    เพิ่มความคงตัวของแป้งโดว์ขณะนวด ป้องกันการฉีกขาด และลดโอกาสที่โดว์จะยุบตัวหลังหมัก
  4. อายุการเก็บรักษา (Shelf Life)
    บางชนิดช่วยชะลอการแข็งตัวหรือแห้งไว ทำให้ขนมปังเก็บไว้ได้นานโดยไม่เสียรสสัมผัส
  5. ลดระยะเวลาการนวดและหมัก
    สูตรขนมปังบางประเภท เมื่อผสมสารเสริมอย่างเหมาะสม สามารถย่นระยะเวลานวดหรือพักแป้งได้เล็กน้อย โดยไม่กระทบคุณภาพ

สารเสริมนี้อาจมาในรูปแบบผงหรือชนิดเหลว มีชื่อทางเคมีหรือชื่อทางการค้าแตกต่างกัน เช่น DATEM (Diacetyl Tartaric Acid Esters of Mono- and Diglycerides), SSL (Sodium Stearoyl Lactylate), CSL (Calcium Stearoyl Lactylate), PGMS (Propylene Glycol Monostearate) ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นสารกลุ่ม Emulsifier (อีมัลซิไฟเออร์) ที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร

กลไกการทำงานของสารเสริมคุณภาพในขนมปัง

การที่โดว์สามารถพองฟูและคงรูประหว่างอบ เกิดจากการทำงานร่วมกันของยีสต์ เอนไซม์ และโครงสร้างโปรตีน (กลูเตน) ในแป้ง โดยสารเสริมคุณภาพขนมปังจะส่งเสริมกระบวนการเหล่านี้:

  1. ช่วยในการสร้างโครงสร้างกลูเตน
    กลูเตนเปรียบเสมือน “โครงข่าย” ที่ยึดโดว์เข้าด้วยกัน สารเสริมจะช่วยให้กลูเตนมีความยืดหยุ่นและทนต่อแรงดึงได้ดีขึ้น จึงไม่ขาดง่าย และสามารถดักจับแก๊สที่ยีสต์ปล่อยออกมาขณะหมักได้มีประสิทธิภาพ
  2. เสริมความคงตัวของฟองแก๊ส (Gas Cells)
    เมื่อยีสต์หมัก จะปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) เข้ามาในโดว์ สารเสริมจะช่วยกระจายแก๊สได้สม่ำเสมอ ทำให้รูพรุนเล็ก ๆ ในเนื้อขนมปังมีขนาดเท่า ๆ กัน สังเกตว่าขนมปังที่ใช้สารเสริมมักมีเนื้อสัมผัสเบาและนุ่มกว่าปกติ
  3. เกิดอีมัลชัน (Emulsion)
    Emulsifier จะเข้ามาเชื่อมส่วนผสมน้ำและไขมันในโดว์ให้ผสมผสานกันอย่างลงตัว ช่วยให้เนื้อโดว์เนียน นุ่ม และลดการแยกตัวของส่วนผสม
  4. ป้องกันอาการเสื่อมของแป้ง (Starch Retrogradation)
    หลังขนมปังเย็นตัว แป้งมักเริ่มคืนตัว (Retrogradation) ทำให้ขนมปังเหนียว แข็ง หรือเสียความนุ่ม สารเสริมบางชนิดสามารถชะลอกระบวนการนี้ ทำให้ขนมปัง “นุ่ม” อยู่ได้นานขึ้น

ข้อดีและข้อเสียของการใช้สารเสริมคุณภาพขนมปัง

ข้อดี

  1. เพิ่มโอกาสในการผลิตขนมปังคุณภาพสูง
    ทั้งในด้านเนื้อสัมผัส ความฟู รสสัมผัส และอายุการเก็บรักษา
  2. ควบคุมมาตรฐานการผลิตได้ง่าย
    เหมาะสำหรับร้านเบเกอรี่ที่ต้องการผลิตจำนวนมาก ให้ขนมปังที่ได้มีคุณภาพคงที่
  3. ช่วยประหยัดเวลาและแรงนวด
    เมื่อใส่สารเสริมที่เหมาะสม โดว์จะยืดหยุ่นและขึ้นรูปได้ง่ายขึ้น
  4. ช่วยลดความเสี่ยงในการผิดพลาด
    สำหรับมือใหม่ที่ยังคุมระยะเวลานวดหรือความชื้นแป้งไม่เก่ง สารเสริมอาจช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาใกล้เคียงสูตรที่ต้องการมากขึ้น

ข้อเสีย

  1. ต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้น
    แม้สารเสริมไม่แพงมาก แต่ก็เป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
  2. ความกังวลด้านสุขภาพ
    บางคนอาจวิตกเกี่ยวกับการเติมสารเคมีในอาหาร ควรเลือกสารที่ได้มาตรฐานและใช้ในปริมาณเหมาะสม
  3. การพึ่งพาสารเสริมมากเกินไป
    หากไม่ศึกษาเทคนิคการทำขนมปังจริง ๆ อาจเคยชินกับการใช้สารเสริมจนละเลยศาสตร์การนวดและหมักแป้งอย่างถูกต้อง ทำให้ขาดทักษะพื้นฐาน
  4. อาจมีข้อจำกัดตามกฎหมายอาหาร
    หากผลิตเพื่อจำหน่ายจำนวนมาก ต้องตรวจสอบข้อกำหนดหรือข้อบังคับด้านอาหารในพื้นที่นั้น ๆ

กระบวนการและเทคนิคการใช้สารเสริมคุณภาพขนมปัง

เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตรงกับความคาดหวังและไม่เปลืองสารเสริมโดยใช่เหตุ นี่คือแนวทางพื้นฐานจาก KNOWHOWBAKE:

  1. เตรียมส่วนผสมทั้งหมดให้พร้อม
    • ชั่งตวงแป้ง ยีสต์ น้ำตาล เกลือ นมผง เนย หรือส่วนผสมอื่น ๆ อย่างแม่นยำ
    • สารเสริมมักใช้ในอัตรา 0.5% – 2% ของน้ำหนักแป้ง หรืออาจมากน้อยกว่านั้นตามคำแนะนำของผู้ผลิต
  2. ผสมสารเสริมกับส่วนผสมแห้งก่อน
    • ควรรวมสารเสริมกับแป้ง หรือผสมกับเกลือ น้ำตาลก่อนเล็กน้อย เพื่อกระจายตัวในโดว์ได้ทั่วถึง
    • ระวังไม่ให้สารเสริมสัมผัสกับยีสต์โดยตรง อาจทำให้ยีสต์ทำงานผิดปกติ
  3. นวดโดว์อย่างเหมาะสม
    • การใช้สารเสริมไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องนวดเลย ควรนวดในระดับที่โครงสร้างกลูเตนพัฒนาเต็มที่
    • สามารถทดสอบการยืดโดว์ (Windowpane Test) เพื่อให้มั่นใจว่ากลูเตนแข็งแรง
  4. ควบคุมอุณหภูมิและความชื้น
    • แม้ว่าจะใช้สารเสริม ก็ควรรักษาอุณหภูมิของโดว์ให้อยู่ในช่วง 24-28°C (ขึ้นอยู่กับสูตร) เพื่อไม่ให้ยีสต์ทำงานช้า หรือเร็วเกินไป
    • การอบในสภาพความชื้นที่เหมาะสมจะช่วยให้ขนมปังขึ้นฟูและสีเปลือกสวย
  5. พักหมัก (Proofing) ตามสูตร
    • ถ้าใช้สารเสริมที่มีเอนไซม์ อาจลดเวลาหมักลงเล็กน้อย ควรสังเกตการขึ้นฟูของโดว์มากกว่าการยึดเวลาที่ตายตัว
    • ใช้นิ้วกดเบา ๆ หากโดว์เด้งกลับมาเกือบเต็มที่ ถือว่าพร้อมอบ
  6. อบตามอุณหภูมิที่เหมาะสม
    • ส่วนใหญ่ขนมปังอบที่อุณหภูมิ 175-220°C แล้วแต่ประเภท
    • สังเกตสีและขนาดที่พองตัวของขนมปังก่อนนำออกจากเตา

เคล็ดลับจาก KNOWHOWBAKE สำหรับการใช้สารเสริมคุณภาพขนมปัง

ทดลองปรับสัดส่วนทีละน้อย หากผลิตจำนวนน้อยหรือเพิ่งลองใช้สารเสริม ให้เริ่มในสัดส่วนต่ำ ๆ ก่อน เพื่อดูผลลัพธ์แล้วค่อยขยับปรับเพิ่ม

เลือกสารเสริมที่เหมาะกับสูตร อ่านฉลากเพื่อดูว่า Emulsifier หรือ Improver ชนิดนั้นเน้นด้านใดเป็นพิเศษ (เช่น เน้นโครงสร้างกลูเตน เน้นความนุ่ม ฯลฯ)

รักษาเทคนิคพื้นฐาน อย่าพึ่งสารเสริมมากจนลืมขั้นตอนสำคัญ อย่างการนวดโดว์ให้พอเหมาะ การพักแป้งที่อุณหภูมิและความชื้นเหมาะสม

เช็กวันผลิตและวันหมดอายุ วัตถุดิบที่สดใหม่จะให้ผลดีที่สุด สารเสริมหมดอายุหรือเก็บไม่ดีอาจทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามต้องการ

หลีกเลี่ยงการสัมผัสตรงกับยีสต์ สารเสริมบางชนิดออกฤทธิ์เป็นกรดอ่อน

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

จำเป็นต้องใช้สารเสริมคุณภาพขนมปังทุกครั้งไหม?

ไม่จำเป็นเสมอไป หากคุณสามารถควบคุมเทคนิคการนวด พักหมัก และเลือกวัตถุดิบคุณภาพดี (แป้งโปรตีนสูง ยีสต์สดใหม่) ก็สามารถทำขนมปังที่มีคุณภาพได้โดยไม่พึ่งสารเสริม อย่างไรก็ดี ในการผลิตเชิงพาณิชย์หรือถ้าต้องการคงมาตรฐานสูงไว้ สารเสริมยังคงเป็นตัวเลือกที่ช่วยได้มาก

สามารถใช้สารเสริมเค้ก (เช่น SP หรือ Ovalette) แทนสารเสริมขนมปังได้หรือไม่?

หลักการทำงานแตกต่างกัน สารเสริมเค้ก ช่วยสร้างโฟมเวลาตีไข่และเชื่อมไขมันกับของเหลว ขณะที่ สารเสริมขนมปัง ถูกออกแบบมาเพื่อส่งเสริมโครงสร้างกลูเตนและการหมักยีสต์โดยเฉพาะ จึงไม่ควรใช้แทนกัน

สารเสริมขนมปังมีวันหมดอายุหรือไม่?

มีเช่นกัน ควรดูวันหมดอายุบนฉลากและเก็บในภาชนะปิดสนิท ไม่ให้โดนความชื้นหรือแสงแดดโดยตรง เพื่อรักษาประสิทธิภาพ

การใช้สารเสริมในขนมปังส่งผลเสียต่อสุขภาพหรือไม่?

สารเสริมที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร ผ่านการวิจัยและรับรองความปลอดภัยในปริมาณที่กำหนด อย่างไรก็ตาม ควรใช้ในปริมาณที่พอเหมาะตามคำแนะนำของผู้ผลิต หากกังวลเรื่องสุขภาพ ควรเลือกสารเสริมที่ไม่มีสารกันบูดหรือสารสังเคราะห์อื่น ๆ เจือปน หรือเลือกผลิตขนมปังแบบไม่ใส่สารเสริมก็ได้

หากต้องการขนมปัง “โฮมเมดสไตล์” ควรหลีกเลี่ยงสารเสริมหรือไม่?

ไม่มีกฎตายตัว บางสูตรโฮมเมดแท้ ๆ ไม่ได้ใช้สารเสริมเพราะต้องการรสชาติและสัมผัส “แบบธรรมชาติ” แต่ถ้าต้องการความนุ่มฟูและคุณภาพคงที่ก็สามารถใส่สารเสริมได้เล็กน้อย ตามความพึงพอใจ

ถ้าใส่สารเสริมเยอะขึ้น ขนมปังจะนุ่มหรือฟูขึ้นไปอีกหรือไม่?

การใช้สารเสริมมากเกินไปอาจทำให้เนื้อสัมผัสผิดปกติ บางครั้งขนมปังอาจมีรสขม หรือเกิดเนื้อสัมผัสที่เหนียวหนึบจนเกินไป ควรใช้ตามคำแนะนำหรือปรับเล็กน้อยเท่านั้น

สารเสริมสามารถทดแทนคุณภาพแป้งหรือน้ำหนักยีสต์ที่ไม่เหมาะสมได้หรือไม่?

ไม่สามารถทดแทนได้ 100% แม้สารเสริมจะช่วย แต่คุณภาพของแป้ง น้ำ ยีสต์ และขั้นตอนการนวดกับพักแป้งยังคงเป็นหัวใจหลัก ควรแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เช่น เลือกแป้งโปรตีนสูงและยีสต์ใหม่เสมอ

สรุปท้ายบทความ สารเสริมคุณภาพขนมปัง ตัวช่วยหรือทางลัด?

ารเสริมคุณภาพขนมปัง (Bread Emulsifier) เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่ช่วยให้คนทำขนมปังได้ผลงานที่สวยงาม เนื้อสัมผัสเป็นที่น่าพึงพอใจ และมีมาตรฐานคงที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมการผลิตขนมปังที่ต้องการจำนวนมากและรักษาคุณภาพเท่ากันทุกครั้ง

อย่างไรก็ดี สำหรับผู้ที่รักในการทำขนมปังแบบโฮมเมด หรือต้องการสัมผัสเสน่ห์ของการนวดและหมักแป้งด้วยตนเอง การใช้สารเสริมอาจไม่ใช่สิ่งจำเป็น 100% แต่ก็ไม่ใช่เรื่องผิด หากคุณเลือกใช้ในปริมาณที่เหมาะสม และยังคงให้ความสำคัญกับกรรมวิธีพื้นฐาน เช่น การเลือกใช้แป้งยีสต์คุณภาพดี การควบคุมอุณหภูมิ และการนวดโดว์จนได้โครงสร้างที่แข็งแรง

สำหรับผู้ที่สนใจศึกษาลึกซึ้งยิ่งขึ้น หรืออยากลองทำขนมปังสูตรต่าง ๆ ทั้งแบบใช้และไม่ใช้สารเสริมเพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์ KNOWHOWBAKE โรงเรียนสอนทำเบเกอรี่ มีคอร์สหลากหลายที่ตอบโจทย์นักอบขนมทุกระดับ เราพร้อมแชร์ประสบการณ์ตรง เทคนิคการเลือกวัตถุดิบ และเคล็ดลับการพัฒนาสูตร ให้คุณได้สนุกกับการทำขนมปัง และค้นพบเสน่ห์ของศิลปะการอบในแบบฉบับของตัวเอง


“การใช้สารเสริมไม่ใช่เรื่องผิดหรือถูก แต่คือทางเลือกในการยกระดับคุณภาพขนมปังให้ดีเยี่ยม ในขณะเดียวกัน การเข้าใจกระบวนการอบพื้นฐานคือหัวใจที่ทำให้คุณก้าวสู่การเป็นนักอบขนมตัวจริง” – KNOWHOWBAKE

https://knowhowbake.in.th