ปัญหาการทำเค้ก : เมื่อเนื้อเค้กแตกและวิธีแก้ไข

เนื้อเค้กแตก

การทำเค้กอาจจะดูเหมือนเป็นกิจกรรมที่ง่ายและสนุก แต่จริงๆ แล้วในการทำเค้กนั้นมีรายละเอียดที่ต้องใส่ใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นส่วนผสม อุณหภูมิ หรือแม้แต่การเลือกใช้เครื่องมือที่ถูกต้อง เพื่อให้ได้เค้กที่ออกมาสมบูรณ์แบบ แต่ในบางครั้งแม้เราจะทำตามขั้นตอนทุกอย่างอย่างระมัดระวัง ก็ยังอาจเจอปัญหาหนึ่งที่ทำให้เราเสียใจ นั่นคือ เนื้อเค้กแตก
หรือมีรอยแตกที่ผิวหน้าเค้กหลังจากที่อบเสร็จ หลายๆ คนคงเคยเจอปัญหานี้ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือแม้แต่ผู้ที่มีประสบการณ์แล้วก็ยังอาจเกิดขึ้นได้ แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ ที่ สถาบันสอนเบเกอรี่ โนว์ฮาวเบค เรามีคำแนะนำและวิธีการที่สามารถช่วยคุณแก้ไขปัญหานี้ได้ เพื่อให้คุณทำเค้กที่ออกมาสมบูรณ์และสวยงาม

ทำไมเนื้อเค้กถึงแตก?

ก่อนที่เราจะไปดูวิธีการแก้ไข เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า เนื้อเค้กแตกเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง

  1. อุณหภูมิเตาอบสูงเกินไป อุณหภูมิที่สูงเกินไปเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เค้กแตกได้
    เพราะการอบเค้กที่อุณหภูมิสูงจะทำให้ด้านนอกของเค้กสุกเร็ว
    ขณะที่ด้านในยังไม่สุกดี ทำให้เกิดการแตกหรือบิ่นของผิวเค้ก
  2. การผสมส่วนผสมมากเกินไป การผสมส่วนผสมของเค้กมากเกินไปจะทำให้เค้กมีเนื้อที่หนาและแข็ง
    ส่งผลให้เค้กมีรอยแตกหรือเนื้อไม่เรียบ เนื่องจากการที่โปรตีนในแป้งทำงานมากเกินไป
  3. การใส่ส่วนผสมผิดสัดส่วน การที่ส่วนผสมไม่สมดุล เช่น การใช้แป้งมากเกินไปหรือน้ำตาลมากเกินไป ทำให้เนื้อเค้กเกิดความเครียด และทำให้เค้กมีรอยแตก
  4. เปิดเตาอบบ่อยเกินไป การเปิดเตาอบในระหว่างการอบเค้กบ่อยๆ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิในเตาอบอย่างฉับพลัน ซึ่งทำให้เค้กเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและทำให้เค้กแตกได้
  5. เตาอบไม่ร้อนพอ ถ้าเตาอบยังไม่ถึงอุณหภูมิที่เหมาะสมก่อนจะใส่เค้กลงไป อาจทำให้เนื้อเค้กไม่สุกและทำให้เกิดรอยแตกที่ผิวเค้กได้ เพราะด้านนอกของเค้กไม่สุกแต่ด้านในเริ่มขยายตัว

วิธีแก้ไขปัญหาการทำเค้กที่เนื้อเค้กแตก

เมื่อรู้สาเหตุของปัญหาแล้ว ต่อไปเรามาดูวิธีแก้ไขปัญหา เนื้อเค้กแตกเพื่อให้คุณสามารถทำเค้กที่น่าทานและสวยงามได้

  1. ควบคุมอุณหภูมิเตาอบให้ถูกต้อง
    อุณหภูมิเตาอบที่เหมาะสมจะช่วยให้เค้กอบได้อย่างสมบูรณ์แบบ ควรตั้งอุณหภูมิของเตาอบให้พอดีกับประเภทของเค้กที่ทำ ดยปกติแล้วอุณหภูมิสำหรับการอบเค้กทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 160-180 องศาเซลเซียส และควรให้เตาอบร้อนพอสมควรก่อนที่จะใส่เค้กเข้าไป
  2. อย่าเปิดเตาอบบ่อยๆ
    การเปิดเตาอบในระหว่างที่เค้กอบอยู่จะทำให้อุณหภูมิในเตาอบเปลี่ยนแปลง และทำให้เกิดการแตกบนผิวเค้กได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการเปิดเตาอบบ่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของการอบ
  3. ผสมส่วนผสมให้ถูกต้อง
    การผสมส่วนผสมของเค้กเป็นขั้นตอนที่สำคัญ หากคุณผสมแป้งหรือส่วนผสมอื่นๆ มากเกินไป จะทำให้เค้กออกมาแข็งและไม่ฟู ควรผสมจนทุกอย่างเข้ากันพอประมาณ และหลีกเลี่ยงการผสมแป้งจนเกิดความเหนียว
  4. ชั่งตวงส่วนผสมให้ถูกต้อง
    การใช้ส่วนผสมที่ไม่สมดุล เช่น ใช้แป้งหรือไข่ผิดปริมาณ อาจทำให้เนื้อเค้กมีความหนาเกินไปและทำให้เค้กเกิดรอยแตกได้ ควรชั่งตวงส่วนผสมทุกครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  5. เลือกใช้พิมพ์เค้กที่เหมาะสม
    การเลือกใช้พิมพ์ที่มีขนาดเหมาะสมจะช่วยให้เค้กอบสุกอย่างทั่วถึงและไม่เกิดการแตก พิมพ์ที่เล็กเกินไปอาจทำให้เค้กพองตัวและแตกออกได้
  6. อย่าอบเค้กนานเกินไป
    การอบเค้กเกินเวลาอาจทำให้เค้กมีเนื้อแห้งและแตกได้ ควรตรวจสอบเค้กด้วยการใช้ไม้จิ้มฟันหรือสายตาเพื่อดูว่าเค้กสุกแล้วหรือยัง โดยทั่วไปถ้าไม้จิ้มฟันออกมาสะอาดหรือเค้กยุบลงเล็กน้อยแสดงว่าเค้กสุกแล้ว

เคล็ดลับเพิ่มเติมในการป้องกันเค้กแตก

  1. ใช้เครื่องตีไฟฟ้า หากคุณใช้เครื่องตีไฟฟ้าในการตีส่วนผสม ควรใช้ความเร็วต่ำในช่วงแรกและค่อยๆ เพิ่มความเร็วเมื่อต้องการตีไข่ให้ฟู และอย่าตีส่วนผสมมากเกินไป
  2. ทดสอบเตาอบก่อนการอบ หากคุณไม่แน่ใจว่าอุณหภูมิเตาอบตรงกับที่ตั้งไว้หรือไม่ ควรทดสอบเตาอบด้วยเทอร์โมมิเตอร์ เพื่อให้มั่นใจว่าเตาอบอุ่นพอที่จะอบเค้กได้อย่างสมบูรณ์

การทำเค้กที่มี เนื้อเค้กแตก เป็นปัญหาที่สามารถแก้ไขได้หากคุณเข้าใจสาเหตุและวิธีการแก้ไขที่ถูกต้อง
จากการควบคุมอุณหภูมิเตาอบให้เหมาะสม ไปจนถึงการผสมส่วนผสมและการเลือกพิมพ์ที่เหมาะสม เราที่ สถาบันสอนเบเกอรี่ โนว์ฮาวเบค พร้อมให้คำแนะนำและสอนคุณทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกส่วนผสมไปจนถึงการอบเค้กให้ออกมาสวยงามและอร่อยที่สุด มาเรียนรู้เทคนิคการทำเค้กกับเรา เพื่อพัฒนาเป็นเชฟเบเกอรี่มืออาชีพกันค่ะ!