ชีส คืออะไร? มีกี่ประเภท? เคล็ดลับการใช้ชีสเพื่อเพิ่มรสชาติในทุกเมนู

ชีส คืออะไร? มีกี่ประเภท? เคล็ดลับการใช้ชีสเพื่อเพิ่มรสชาติในทุกเมนู

ชีส (Cheese) เป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่หลากหลายและมีบทบาทสำคัญในวงการอาหารทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการทำขนมปัง พิซซ่า ซุป หรือเมนูคาวต่างๆ ชีสสามารถเพิ่มรสชาติและเนื้อสัมผัสให้กับอาหารได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ชีสที่เรารู้จักกันวันนี้มีหลากหลายประเภทและแต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับชีส มีกี่ประเภท และเคล็ดลับในการใช้ชีสให้เหมาะสมกับเมนูต่างๆ

ชีสคืออะไร?

ชีสคือผลิตภัณฑ์จากนมที่ผ่านกระบวนการหมักและการแยกไขมันออกจากน้ำ โดยการผลิตชีสประกอบด้วยขั้นตอนหลักๆ ดังนี้:

  1. การหมักนม: นมจะถูกหมักด้วยแบคทีเรียหรือเอนไซม์ที่ช่วยให้เกิดกระบวนการย่อยสลายน้ำตาลในนม
  2. การจับตัวของไขมัน: ผ่านการเพิ่มเอนไซม์หรือกรด นมจะจับตัวเป็นก้อนหรือเนื้อชีส
  3. การบ่มและการเก็บรักษา: ชีสจะถูกบ่มในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมเพื่อให้ได้รสชาติและเนื้อสัมผัสที่ต้องการ

ชีสมีความหลากหลายทั้งในเรื่องของรสชาติ เนื้อสัมผัส และวิธีการใช้งาน ซึ่งทำให้เป็นวัตถุดิบที่น่าสนใจในการทำอาหาร

ชีส มีทั้งหมดกี่ประเภท?

ชีสแข็ง (Hard Cheese)

ชีสแข็งมีเนื้อสัมผัสที่แน่นและมักมีอายุการบ่มยาวนาน เช่น ชีสเชดดาร์ (Cheddar) และพาร์เมซาน (Parmesan) ชีสประเภทนี้เหมาะสำหรับการขูดหรือขูดเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อใช้บนพาสต้า หรือเพิ่มในเมนูคาวต่างๆ

ชีสกึ่งแข็ง (Semi-Hard Cheese)

ชีสกึ่งแข็งมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มกว่าแข็ง เช่น ชีสบรี (Brie) และชีสคอเตจ (Cottage Cheese) เหมาะสำหรับการทาเนยบนขนมปัง หรือใช้ในสลัด

ชีสนุ่ม (Soft Cheese)

ชีสประเภทนี้มีเนื้อสัมผัสนุ่มและบางครั้งลื่น เช่น ชีสมอสซาเรลล่า (Mozzarella) และชีสเฟต้า (Feta) เหมาะสำหรับการใส่ในพิซซ่า หรือใช้ในเมนูขนมหวาน

ชีสเนื้อหวาน (Sweet Cheese)

ชีสเนื้อหวานมักมีรสชาติหวานหรือมีการเติมผลไม้ เช่น ชีสบลูเบอร์รี่ (Blueberry Cheese) และชีสกล้วย (Banana Cheese) เหมาะสำหรับการทานกับขนมปังหรือแครกเกอร์

ชีสเนื้อเปรี้ยว (Cultured Cheese)

ชีสเนื้อเปรี้ยวถูกหมักด้วยแบคทีเรียที่ทำให้ได้รสชาติเปรี้ยวเล็กน้อย เช่น ชีสค็อตจ์ (Cottage Cheese) และชีสมูสลี่ (Mascarpone) เหมาะสำหรับการทำซอสหรือเพิ่มรสชาติในขนมหวาน

ชีสหอมและเค็ม (Flavored and Aged Cheese)

ชีสประเภทนี้มีการเพิ่มเครื่องเทศหรือสมุนไพร เช่น ชีสพริกไทย (Pepper Cheese) และชีสโรสแมรี่ (Rosemary Cheese) เหมาะสำหรับการเสิร์ฟเป็นของว่างหรือใช้ในเมนูพิเศษ

ชีส ยอดนิยมสำหรับการประกอบอาหาร

มอสซาเรลล่า (Mozzarella)

ชีสที่มีต้นกำเนิดจากอิตาลี ทำจากนมวัวหรือเนยแพะ ผ่านกระบวนการผลิตแบบพิเศษ ทำให้มีเนื้อสัมผัสนุ่ม ยืดหยุ่น และสามารถละลายได้ดีเมื่อถูกทำความร้อน มอสซาเรลล่ามีรสชาติหอมมันกลมกล่อม เหมาะสำหรับการใช้บนพิซซ่า พาสต้า ซุป และสลัด

บรี (Brie)

เป็นชีสชนิดหนึ่งที่มีต้นกำเนิดจากประเทศฝรั่งเศส โดยเฉพาะจากภาคอีสานของประเทศ ชีสชนิดนี้มีเปลือกขาวบางที่มีเชื้อรา Penicillium camemberti ช่วยให้ชีสมีรสชาติที่นุ่มนวลและกลมกล่อม บรีชีสมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มและเนียนลื่นเมื่อรับประทาน รสชาติอ่อนหวานเล็กน้อยพร้อมกับความเข้มข้นของไขมัน ทำให้เหมาะสำหรับการทานคู่กับขนมปังกรอบ ผลไม้สด หรือไวน์แดง

พาร์เมซานชีส (Parmesan Cheese)

เป็นชีสชนิดหนึ่งที่มีต้นกำเนิดจากอิตาลี โดยเฉพาะภูมิภาคแรมานีชีชีสนี้มีรสชาติที่เข้มข้น เผ็ดเล็กน้อย และมีเนื้อสัมผัสที่แข็งกระด้าง มักถูกใช้ขูดโรยบนพาสต้า ซุป และสลัด พาร์เมซานชีสผ่านกระบวนการบ่มยาวนานถึง 12 เดือนหรือมากกว่า ทำให้ได้รสชาติและกลิ่นหอมเฉพาะตัว สีของชีสมีสีเหลืองอมทองเนื่องจากอาหารที่วัวกิน การเก็บรักษาพาร์เมซานชีสควรเก็บในตู้เย็นในภาชนะปิดสนิทเพื่อคงความสดใหม่และรสชาติที่ดีที่สุด

เชดดาร์ชีส (Cheddar Cheese)

เป็นชีสชนิดหนึ่งที่มีต้นกำเนิดจากหมู่บ้านเชดดาร์ในอังกฤษ ชีสนี้มีรสชาติที่เข้มข้น เปรี้ยวเล็กน้อย และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เนื้อสัมผัสแน่นหนาและบางครั้งมีความกรอบเนื่องจากกระบวนการบ่มที่ยาวนาน เชดดาร์ชีสสามารถแบ่งออกเป็นหลายระดับตามระยะเวลาบ่ม ซึ่งแต่ละประเภทจะมีรสชาติและกลิ่นที่แตกต่างกันไป

เชดดาร์ชีสเป็นที่นิยมใช้ในเมนูพาสต้า แซนด์วิช เบอร์เกอร์ และอาหารคาวต่างๆ นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับการขูดโรยบนอาหารเพื่อเพิ่มรสชาติและความหอมมัน

อีเดมชีส (Edam Cheese)

เป็นชีสชนิดหนึ่งที่มีต้นกำเนิดจากเมืองอีเดมในประเทศเนเธอร์แลนด์ ชีสนี้มีรูปร่างกลมหรือก้อนเล็ก สีแดงหรือสีส้มจากการห่อด้วยขนมปังสีแดง เนื้อชีสแน่นแต่ยังนุ่ม มีรสชาติหวานอมเค็มและกลิ่นหอมเฉพาะตัว อีเดมชีสผ่านกระบวนการบ่มประมาณ 2-3 เดือน ทำให้มีรสชาติที่กลมกล่อมและเนื้อสัมผัสที่ดี อีเดมชีสเหมาะสำหรับการทาบนแครกเกอร์ แซนด์วิช หรือใช้เป็นส่วนประกอบในสลัดและเมนูคาวต่างๆ นอกจากนี้ยังสามารถขูดโรยบนพาสต้าและซุปเพื่อเพิ่มรสชาติ

กอมเมทต์ชีส (Comte Cheese)

เป็นชีสชนิดหนึ่งที่มีต้นกำเนิดจากภูมิภาคซาโวญในประเทศฝรั่งเศส ทำจากนมวัวที่เลี้ยงในพื้นที่หญ้าอุดมสมบูรณ์ ผ่านกระบวนการบ่มอย่างพิถีพิถันเป็นเวลาอย่างน้อย 4 เดือน กอมเมทต์มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว กลิ่นหอมเฉพาะตัว และเนื้อสัมผัสที่แข็งกระด้างแต่นุ่มนวล เมื่อนำมาขูดหรือหั่นใช้ในเมนูต่างๆ เช่น พาสต้า ซุป สลัด หรือทานคู่กับแครกเกอร์และผลไม้สด

โรคฟอร์ตชีส (Roquefort Cheese)

เป็นชีสชนิดหนึ่งที่มีต้นกำเนิดจากเมืองโรคฟอร์ตในประเทศฝรั่งเศส ทำจากนมแกะผ่านกระบวนการผลิตเฉพาะที่ใช้เชื้อรา Penicillium roqueforti ทำให้ชีสมีรสชาติเปรี้ยวและเค็มเข้มข้น พร้อมกับลวดลายสีฟ้าที่เป็นเอกลักษณ์ เนื้อชีสเนียนนุ่มแต่มีความกรอบจากเชื้อรา โรคฟอร์ตชีสมักใช้ในการทำสลัด ซอส หรือทานคู่กับขนมปังและผลไม้สด การเก็บรักษาโรคฟอร์ตชีสควรเก็บในตู้เย็นในภาชนะที่ปิดสนิทเพื่อรักษาคุณภาพและรสชาติที่ดีที่สุด

มาสคาร์โปเน (Mascarpone)

เป็นชีสครีมชนิดหนึ่งที่มีต้นกำเนิดจากอิตาลี ทำจากนมวัวและครีม ผ่านกระบวนการพาสเจอร์ไรส์และการต้มอย่างอ่อนโยน ทำให้มีเนื้อสัมผัสนุ่มนวลและรสชาติหวานมัน มาสคาร์โปเนมักใช้ในการทำขนมต่างๆ เช่น ทีรามิสุ เค้กชีส และพาสต้า ชีสชนิดนี้ยังเหมาะสำหรับการเพิ่มความเข้มข้นให้กับซอสและอาหารคาว การเก็บรักษามาสคาร์โปเนควรเก็บในตู้เย็นในภาชนะปิดสนิท เพื่อรักษาความสดใหม่และรสชาติที่ดีที่สุด

Cream Cheese

Cream Cheese คือ ชีสประเภทเนื้อนุ่ม (Soft Cheese) ซึ่งจัดอยู่ในหมวดชีสสด (Fresh Cheese) ไม่ผ่านกระบวนการบ่ม ทำให้มีเนื้อสัมผัสที่เนียนนุ่ม รสชาติหวานมันอ่อนๆ และมีความชุ่มชื้นสูง ชีสชนิดนี้มักใช้ในหลากหลายในเมนูเบเกอรี่ เช่น ชีสเค้ก ทำไส้เค้ก คุณสมบัติของ Cream Cheese ความชุ่มชื้นสูง เหมาะสำหรับการใช้งานในขนมอบและอาหารต่างๆ เนื้อสัมผัสนุ่มนวล สามารถตัดหรือทาได้ง่าย รสชาติหวานมัน ให้รสชาติที่กลมกล่อมและอร่อย

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

ชีสมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไร?

ชีสมีโปรตีน แคลเซียม วิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน ฟื้นฟูกล้ามเนื้อ และเสริมระบบภูมิคุ้มกัน

สามารถทานชีสได้ทุกคนไหม?

ไม่ใช่ทุกคนที่ทานชีสได้ เนื่องจากบางคนอาจแพ้แลคโตสหรือมีปัญหาการย่อยนม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภคหากมีข้อสงสัย

วิธีเก็บชีสให้สดใหม่ยาวนานคืออะไร?

เก็บชีสในตู้เย็นในภาชนะที่ปิดสนิท ห่อด้วยกระดาษฟอยล์หรือกระดาษไข และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับอาหารที่มีกลิ่นแรง

สามารถใช้น้ำมันพืชแทนชีสได้ไหม?

ได้ในบางเมนู แต่ชีสให้รสชาติและเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกัน น้ำมันพืชมักใช้แทนชีสในเมนูที่ต้องการไขมันเพิ่มเติมโดยไม่ต้องการรสชาติชีส

ชีสประเภทไหนเหมาะกับการทำพิซซ่า?

ชีสมอสซาเรลล่า ชีสมิกซาเรลล่า และพาร์เมซานเป็นชีสที่นิยมใช้ในการทำพิซซ่า เนื่องจากมีการละลายดีและรสชาติที่เข้มข้น

สรุปท้ายบทความ

ชีสเป็นวัตถุดิบที่มีความหลากหลายและมีบทบาทสำคัญในการทำอาหารและขนมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มรสชาติ ความนุ่มนวล หรือเนื้อสัมผัสที่ดีเยี่ยม การรู้จักประเภทของชีสและวิธีการใช้งานอย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณสามารถสร้างสรรค์เมนูที่อร่อยและน่าประทับใจได้อย่างเต็มที่

การเลือกใช้ชีสที่เหมาะสมกับเมนูแต่ละประเภท ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มรสชาติ แต่ยังสามารถเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้กับอาหารของคุณได้อีกด้วย นอกจากนี้ การเก็บรักษาชีสอย่างถูกวิธีจะช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษาคุณภาพของชีสให้คงที่

เคล็ดลับสุดท้าย: อย่ากลัวที่จะลองใช้ชีสประเภทใหม่ๆ ในเมนูของคุณ เพราะความหลากหลายของชีสสามารถสร้างสรรค์รสชาติและเนื้อสัมผัสที่ไม่ซ้ำใครได้อย่างน่าทึ่ง

https://knowhowbake.in.th