เลือกอ่านบางหัวข้อ
การทำขนมเค้กไม่ใช่แค่การผสมส่วนผสมเข้าด้วยกันแล้วอบจนสุก แต่ยังเกี่ยวข้องกับการเลือกประเภทของเค้กที่เราต้องการให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด สำหรับคนทำเบเกอรี่หรือคนที่รักการทำขนมเค้กแต่ละชนิดก็จะมีลักษณะและเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกันไป หนึ่งในส่วนที่สำคัญที่สุดในการทำเค้กคือ เนื้อเค้ก ซึ่งเป็นตัวที่กำหนดความนุ่ม ฟูหรือแน่นของเค้ก วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเนื้อเค้ก 3 ประเภทที่ได้รับความนิยมมาก ได้แก่ เค้กชิฟฟ่อน, เค้กสปันจ์ และ เค้กบัตเตอร์ ซึ่งแต่ละประเภทมีลักษณะและวิธีการทำที่แตกต่างกัน
เค้กชิฟฟ่อน (Chiffon Cake)
เค้กชิฟฟ่อนเป็นเค้กที่มีลักษณะพิเศษในเรื่องของเนื้อสัมผัส เนื้อเค้กชนิดนี้จะเบาฟู และมีความนุ่มแบบฟองน้ำ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความชุ่มชื้น เค้กชิฟฟ่อนจะมีไข่ขาวที่ตีจนฟูเป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เค้กชนิดนี้มีเนื้อสัมผัสที่ฟูเบาและเบากว่าคุณอาจจะเคยสัมผัสจากเค้กชนิดอื่นๆ เค้กชิฟฟ่อนส่วนมากจะทำจากไข่แดง น้ำมัน (มักใช้น้ำมันพืช) และแป้ง โดยผสมส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน และตีไข่ขาวแยกต่างหากจนฟู แล้วนำมาผสมให้เข้ากัน การผสมไข่ขาวเข้ากับส่วนผสมอื่นๆ เป็นเทคนิคที่สำคัญ เพื่อให้ได้เค้กที่มีลักษณะเบาและฟู หลังจากอบเสร็จ เค้กชิฟฟ่อนจะมีความหนานุ่มและชุ่มชื้น อาจจะใช้ในเค้กหลายๆ รูปแบบ เช่น เค้กชิฟฟ่อนช็อกโกแลต หรือ เค้กชิฟฟ่อนมะนาว ซึ่งให้รสชาติที่สดชื่นและเบา
เค้กสปันจ์ (Sponge Cake)
เค้กสปันจ์เป็นเค้กที่มีลักษณะเนื้อเบาและฟูคล้ายกับเค้กชิฟฟ่อน แต่เค้กสปันจ์จะมีความเบากว่าหรือฟูมากกว่า
เนื่องจากวิธีการทำจะเน้นการใช้ไข่เป็นหลัก ซึ่งการตีไข่จนขึ้นฟูจะช่วยให้เค้กมีความนุ่มและเบา โดยที่ไม่ต้องใช้เนยหรือน้ำมัน การทำเค้กสปันจ์จะใช้ไข่ น้ำตาล และแป้งเป็นส่วนผสมหลัก ส่วนผสมจะถูกตีจนเข้ากันและฟูจนเป็นเนื้อสัมผัสเบา ฟูคล้ายฟองน้ำ ตัวเค้กจะไม่แน่นมาก แต่ก็ยังมีความมั่นคงพอสมควร เค้กสปันจ์มักจะถูกใช้เป็นฐานในการทำเค้กหลายๆ แบบ เช่น เค้กโรล (Swiss Roll) หรือ เค้กทาร์ตวิคตอเรีย (Victoria Sponge Cake) ซึ่งมักจะเติมแยม หรือครีมตรงกลางเพื่อเพิ่มรสชาติและเนื้อสัมผัส
เค้กบัตเตอร์ (Butter Cake)
เค้กบัตเตอร์ หรือที่บางครั้งเรียกว่า เค้กเนย เป็นเค้กที่มีลักษณะเนื้อหนาและมีความแน่นกว่าเค้กประเภทอื่น
เนื่องจากส่วนผสมหลักที่ใช้คือเนย ทำให้เค้กมีความมันและรสชาติหวานจากเนยที่ใช้เคลือบเนื้อเค้ก การทำเค้กบัตเตอร์จะต้องตีเนยกับน้ำตาลจนเนียนฟู แล้วจึงใส่ไข่ทีละฟองและผสมแป้งเข้าด้วยกัน จากนั้นจะผสมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันและนำไปอบ เนื้อเค้กบัตเตอร์มักจะออกมาหนาขึ้นและแน่นกว่าเค้กสปันจ์หรือชิฟฟ่อน ซึ่งเหมาะกับการใช้ในเค้กที่ต้องการความหนา เช่น เค้กปอนด์ (Pound Cake) หรือ เค้กแยม (Butter Pound Cake) ที่มีเนื้อเค้กหนาและรสชาติที่เข้มข้น
เปรียบเทียบเนื้อเค้กทั้งสามประเภท
- เค้กชิฟฟ่อน (Chiffon Cake): มีเนื้อเบา ฟู และชุ่มชื้น แต่ไม่หนาเกินไป เนื่องจากผสมไข่ขาวที่ตีจนฟู
- เค้กสปันจ์ (Sponge Cake): เนื้อเบาและฟู เหมาะสำหรับใช้เป็นฐานเค้กหลายชั้นที่ต้องการความเบาและนุ่ม
- เค้กบัตเตอร์ (Butter Cake): เนื้อหนาและแน่น มีความมันจากเนย รสชาติหวานและเข้มข้น มักใช้สำหรับเค้กที่ต้องการความหนาและเต็มรส
การเลือกเนื้อเค้กให้เหมาะสมกับจุดประสงค์
การเลือกประเภทของเค้กนั้นต้องขึ้นอยู่กับโอกาสและความต้องการของเรา ถ้าเราต้องการเค้กที่มีเนื้อเบา ฟู และมีความชุ่มชื้น เช่น เค้กวันเกิดหรือเค้กที่ต้องการตกแต่ง เค้กชิฟฟ่อน หรือ เค้กสปันจ์ จะเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าเราต้องการเค้กที่มีรสชาติหวานมัน และเนื้อหนา แน่น เช่น เค้กงานแต่งงานหรือเค้กที่ใช้ทำหลายชั้น เค้กบัตเตอร์ จะเหมาะสมที่สุด
เนื้อเค้กที่ดีและเหมาะสมจะช่วยทำให้เค้กของเรามีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่น่าประทับใจ ไม่ว่าจะเป็น เค้กชิฟฟ่อน ที่เนื้อเบาและฟู, เค้กสปันจ์ ที่เบาและนุ่ม หรือ เค้กบัตเตอร์ที่หนาและเต็มรส
ทั้งหมดนี้เป็นเค้กที่มีลักษณะและวิธีทำที่ต่างกันไปตามความต้องการและวัตถุประสงค์ ของการใช้งาน ที่สถาบัน KNOWHOWBAKE เรามีหลักสูตรที่สอนการทำเค้กทุกรูปแบบ พร้อมทั้งเทคนิคการทำเค้กให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยมสำหรับนักเรียนทุกคนค่ะ!